บทนำ
ไต้หวันเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาโดยตลอด โดยมีประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวฮกเกี้ยน (หมิ่นหนาน) ชาวฮากกา ชาวพื้นเมือง และผู้อพยพจากมณฑลต่าง ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้หญิงชาวต่างชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และบุตรของพวกเธอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้กลายเป็น "กลุ่มชาติพันธุ์ที่ห้า" ในไต้หวัน
เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของวัฒนธรรมที่หลากหลาย รัฐบาล โรงเรียน และองค์กรภาคประชาสังคมได้จัดทำโครงการการศึกษาหลายวัฒนธรรมขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมท้องถิ่นได้ดีขึ้น
ตามแนวทางหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีของไต้หวัน ซึ่งเริ่มใช้ในปี 2562 กำหนดให้นักเรียนระดับประถมศึกษาต้องเรียน วิชาภาษาท้องถิ่น หรือ ภาษาของผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ สัปดาห์ละ 1 คาบ โดยภาษาที่มีการสอน ได้แก่ ภาษาเวียดนาม, ภาษาอินโดนีเซีย, ภาษาไทย, ภาษาพม่า, ภาษากัมพูชา, ภาษาฟิลิปปินส์, และ ภาษามาเลเซีย นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดทำโครงการฝึกอบรมครูเพื่อรองรับการสอนภาษาเหล่านี้ และกำลังพัฒนาระบบการรับรองครูอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงชาวต่างชาติหลายคน การปรับตัวเข้ากับชีวิตในไต้หวันไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาเกี่ยวกับภาษา วัฒนธรรม ภาระทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ในครอบครัว มักเป็นความท้าทายสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเธอ ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนรู้ภาษา ดังนั้น การสนับสนุนให้พวกเธอมีโอกาสเรียนรู้ภาษาและปรับตัวในการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ความท้าทายที่ผู้หญิงชาวต่างชาติต้องเผชิญ
หลังจากไต้หวันแก้ไข กฎหมายว่าด้วยการให้บริการจัดหางาน ในปี 2535 จำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นโยบาย "มุ่งสู่ใต้" (Southbound Policy) ในปี 2537 ยังสนับสนุนให้ธุรกิจไต้หวันขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีการแต่งงานข้ามชาติระหว่างชาวไต้หวันและชาวเวียดนาม ไทย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา และฟิลิปปินส์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงชาวต่างชาติที่ย้ายมาอยู่ในไต้หวันมักประสบปัญหาการปรับตัว ดังนี้:
- ปัญหาด้านภาษา: ไม่สามารถใช้ภาษาจีนกลางหรือภาษาท้องถิ่นอย่างไต้หวันได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้สื่อสารได้ยาก
- ปัญหาด้านเศรษฐกิจ: โอกาสในการทำงานมีจำกัด ทำให้มีปัญหาในการแบ่งเบาภาระทางการเงินในครอบครัว
- ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว: การปรับตัวเข้ากับคู่สมรสและครอบครัวสามีอาจทำได้ยาก โดยเฉพาะปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้
- ปัญหาเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร: ขาดความเข้าใจในระบบการศึกษาไต้หวัน ทำให้การช่วยเหลือบุตรในด้านการเรียนรู้เป็นเรื่องยาก
- ปัญหาในการเข้าสังคม: ขาดเครือข่ายสังคม ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มั่นคง
- ปัญหาการปรับตัวด้านวัฒนธรรม: ความแตกต่างในพฤติกรรมการกิน ค่านิยม และประเพณีท้องถิ่น ทำให้การปรับตัวเป็นไปอย่างยากลำบาก
ผู้หญิงชาวต่างชาติหลายคนต้องการปรับตัวเข้ากับครอบครัวและสังคมมากขึ้น พวกเธอจึงพยายามเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อหวังได้รับความเคารพและการยอมรับมากยิ่งขึ้น
แนวทางการช่วยเหลือผู้หญิงชาวต่างชาติให้ปรับตัวและเรียนรู้ภาษา
รัฐบาลและองค์กรภาคประชาสังคมได้เริ่มดำเนินการให้การสนับสนุนผู้หญิงชาวต่างชาติหลายรูปแบบ เช่น
- การให้บริการด้านภาษาและหลักสูตรการปรับตัวในชีวิตประจำวัน
- คลาสเรียนภาษาจีนกลาง และ คลาสเรียนภาษาไต้หวันหรือฮากกา
- คลาสฝึกทักษะชีวิต เช่น คอร์สอบรมสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์
- คลาสเรียนรู้วัฒนธรรม เช่น การแนะนำเทศกาลและประเพณีของไต้หวัน
- เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและการศึกษาการเลี้ยงดูบุตร
- คลาสการใช้ชีวิตคู่และการปรับตัวกับแม่สามี
- กิจกรรมอ่านหนังสือร่วมกันระหว่างพ่อแม่ลูก และ กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ผ่านบอร์ดเกม
- คอร์สอบรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการเลี้ยงดูลูก
- การฝึกอบรมวิชาชีพและการสอบใบรับรองเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน
- คลาสการใช้งานคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
- คอร์สฝึกทักษะด้านความงาม ทำเล็บ ทำอาหาร และเบเกอรี่
- การแนะแนวการสอบใบรับรองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการหางาน
- การสร้างเครือข่ายสังคม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
- สนับสนุนให้เข้าร่วม อบรมเป็นผู้ช่วยสอนภาษา
- ฝึกอบรมเพื่อเป็น วิทยากรด้านเรื่องเล่าในชุมชน
- รับหน้าที่เป็นวิทยากรใน กิจกรรมวัฒนธรรมหลากหลายของโรงเรียน
สรุป
ไต้หวันได้กลายเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้หญิงชาวต่างชาติและบุตรของพวกเธอเป็นส่วนสำคัญในความหลากหลายนี้ เราไม่ควรเรียกร้องให้พวกเธอ "หลอมรวมอย่างสมบูรณ์" แต่ควรมองผ่านมุมมองของ การอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลาย ด้วยการให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
แม้ว่าผู้หญิงชาวต่างชาติจะเผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัวและเรียนรู้ภาษา แต่ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่น พวกเธอได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพลังชีวิตที่น่าทึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราควรสนับสนุนและให้โอกาสในการศึกษาและการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อให้พวกเธอสามารถปรับตัวได้รวดเร็วขึ้น และส่งเสริมสังคมให้มีความกลมกลืนมากยิ่งขึ้น
ในอนาคต เราหวังว่ารัฐบาลและทุกภาคส่วนในสังคมจะร่วมมือกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและสนับสนุนผู้หญิงชาวต่างชาติและครอบครัวของพวกเธอให้มีชีวิตที่ดีขึ้นในไต้หวัน!