ในช่วงนี้ ไต้หวันมักจะมีฝนฟ้าคะนองในช่วงบ่ายซึ่งเหมาะสำหรับการเติบโตของยุงพาหะเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนต้องดูแลรักษาทำความสะอาดสภาพแวดล้อมและลดภาชนะบรรจุน้ำลง โดยยึดหลักการ “ตรวจสอบ เททิ้ง ทำความสะอาด และขัด” สำนักบริหารการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้ออกมาประกาศพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่ติดเชื้อในไต้หวันรายแรกของปีนี้ และจนถึงขณะนี้ประเทศมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่ติดเชื้อในไต้หวันแล้วกว่า 14 ราย ซึ่งการป้องกันโรคไข้เลือดออกต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนทุกคน จึงขอให้ประชาชนทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว ทำความสะอาดสถานที่สกปรก ภาชนะที่มีน้ำขัง ขัดล้างและคว่ำภาชนะบรรจุน้ำ เพื่อกำจัดแหล่งที่มาของยังพาหะไข้เลือดออกให้หมดไป
สำนักบริหารการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า จนถึงวันที่ 4 ส.ค. หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศได้ดำเนินการกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงและการฉีดพ่นยากำจัดยุง โดยระดมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 511,518 คน กำจัดจุดสกปรก 60,565 จุดและกำจัดภาชนะที่มีน้ำขังกว่า 1,435,677 อัน กำจัดยางรถยนต์ใช้แล้วจำนวน 39,056 เส้น และฉีดยาฆ่ายุงรวม 287,555 แห่ง นอกจากนี้ หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในแต่ละพื้นที่จะเพิ่มความเข้มแข็งในการตรวจสอบแหล่งเพาะพันธุ์ในพื้นที่รับผิดชอบ หากพบลูกน้ำและภาชนะบรรจุน้ำในสถานที่ก่อสร้าง สถานที่รับรีไซด์เคิล สถานศึกษา และหน่วยงานอื่นๆ หากมีการละเมิดกฎหมายการกำจัดของเสียก็จะถูกลงโทษตามกฎหมาย
เนื่องจากในปีนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงส่งผลให้ผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศลดลงอย่างมาก จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศก็ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ทุเลาลง มาตรการควบคุมการเข้าออกประเทศได้ผ่อนคลายลง ประชาชนจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงของโรคไข้เลือดออกและดำเนินการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันไม่เกิดยุงพาหะและก่อให้เกิดโรคระบาด