นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลอนุญาตบุคคล 6 กลุ่มเดินทางเข้าไทยได้ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้ง แต่ 1 ต.ค.เป็นวันแรก ได้แก่ กลุ่มนักกีฬาต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันกีฬาจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ กลุ่มนักบินและลูกเรือบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จากเที่ยวบินพิเศษขากลับประเทศ กลุ่มผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวประเภทต่างๆ กลุ่มผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยว Long stay หรือกลุ่มนักท่องเที่ยววิซ่าพิเศษ (STV) กลุ่มผู้ถือบัตร APEC Card โดยเลือกรับประเทศที่มีความเสี่ยงน้อยและกลุ่มผู้ประสงค์พำนักในไทยระยะสั้นและระยะยาว ว่า การเปิดรับนี้จะเปิดอย่างปลอดภัย เพราะทุกกลุ่มที่เข้ามาจะต้องผ่านมาตรการคัดกรองเข้มและต้องผ่านการกักตัว 14 วันทั้งหมด ตามระบบที่ดำเนินการตลอดมา
สำหรับแนวคิดการปฎิบัติระยะต่อไปนี้ เน้นเฝ้าระวังเข้มต่อ แต่เป้าหมายไม่ใช่การป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วย แต่ต้องตรวจจับผู้ป่วยได้เร็ว นำเข้าระบบเร็ว จำกัดการระบาดได้ เหมือนกรณีที่เจอผู้ป่วยในประเทศครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2563 แต่คุมเร็วจึงกลายเป็นการพบผู้ป่วยรายเดียว ไม่กลายเป็นการระบาดระลอก 2 ซึ่งจะทำให้เดินหน้าทยอยเปิดเพื่อประเทศสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ วิถีชีวิต วิถีสังคมและเศรษฐกิจ
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนที่รัฐอนุญาตให้เข้าประเทศ ล้วนเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว หากติดเชื้อมาความรุนแรงของเชื้อก็จะน้อยลง โอกาสแพร่เชื้อจึงไม่ได้สูงมาก อีกทั้งไทยมีมาตรการจัดการความเสี่ยงแพร่เชื้ออยู่แล้ว เพราะสถานกักกันทุกแห่ง ทุกระดับ กระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปตรวจสอบตลอด มั่นใจทุกแห่งมีมาตรการป้องกันที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ หากผ่านระบบกักกันแล้วโอกาสจะแพร่เชื้อต่ำมากๆ พิสูจน์จากระยะหลังไทยพบผู้ป่วยใหม่จากผู้เดินทางเข้ามาทั้งหมด แต่ไม่พบมีการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานกักกันเลย
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์