ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว อุตสาหกรรมค้าปลีกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ความอัจฉริยะ ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการแสดงผลของไต้หวันผสานกับนวัตกรรมใหม่ ๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาอย่างสูง สำนักงานพัฒนาการอุตสาหกรรม กระทรวงเศรษฐกิจ ได้ร่วมมือกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีการแสดงผลเพื่อใช้งานป้ายโฆษณาแบบยืดหยุ่น หน้าจอแสดงผลแบบอินเทอร์แอคทีฟ และป้ายอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง AI เซ็นเซอร์ ระบบจดจำใบหน้า และการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า เพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งในร้านให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ที่ร้าน HANDS สาขามิราม่ากรุงไทเป สำนักงานพัฒนาการอุตสาหกรรมได้ช่วยเหลือบริษัท Darwin Precision ในการติดตั้งเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบบางเบายืดหยุ่น สร้าง "ผู้จัดการร้านค้าเสมือน AI อัจฉริยะ" ผู้บริโภคสามารถใช้เบาะพิเศษเพื่อรับชมวิดีโอผลิตภัณฑ์และฟังคำอธิบายด้วยเสียง เทคโนโลยีสร้างเสียง AI ช่วยให้สามารถนำเสนอข้อมูลสินค้าได้อย่างเข้าใจง่าย ระบบนี้ยังรวมถึงป้ายแสดงผลกระดาษอิเล็กทรอนิกส์และระบบระบุตำแหน่งด้วยแสงอินฟราเรด เพียงแค่พิมพ์ชื่อสินค้า ก็สามารถระบุตำแหน่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาสินค้าสูงถึง 60% ลดความกังวลในการช้อปปิ้ง และช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ไร้กังวล
ที่ศูนย์การค้า Hanshin Arena เมืองเกาสง สำนักงานพัฒนาการอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับ Fanglue Electronics ในการพัฒนาเทคโนโลยี Mini LED สร้างสรรค์การแสดงผลอัจฉริยะใหม่ในศูนย์การค้า หน้าจอแบบวงกลมในศูนย์อาหารสามารถแสดงโปรโมชั่นและกิจกรรมล่าสุดได้อย่างชัดเจนในมุมมอง 150 องศา นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลรูปตัว V ที่อยู่ในตำแหน่งสูงช่วยสร้างประสบการณ์ภาพที่ตื่นตา พร้อมคงไว้ซึ่งความโปร่งใส ทำให้การช้อปปิ้งสะดวกสบายยิ่งขึ้น และได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าสูงถึง 90%
ศูนย์การค้าฮั่นเซินไจแอนท์โดม เกาสง นำเข้าหน้าจอไดนามิกแบบบางพิเศษและยืดหยุ่นได้ ดีไซน์ทรงกระบอก แสดงโปรโมชั่นและกิจกรรมแบบเรียลไทม์ (ภาพ/แหล่งที่มา: เว็บไซต์กระทรวงเศรษฐกิจ)
ตั้งแต่ปี 2021 สำนักงานพัฒนาการอุตสาหกรรมได้ผลักดัน "โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการแสดงผลอัจฉริยะ" เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการแสดงผลไปสู่ตลาดที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ปัจจุบันมีการพัฒนาโซลูชันแบบบูรณาการถึง 52 รายการ นำไปใช้ในอุตสาหกรรมค้าปลีกอัจฉริยะและสันทนาการอัจฉริยะ มีผู้ใช้บริการกว่า 10 ล้านครั้ง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน และประสบความสำเร็จในการขยายไปยังตลาดญี่ปุ่น ไทย และมาเลเซีย
