นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงการเก็บน้ำฝนที่กรมชลประทานดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มฤดูฝนปีนี้ 1 พ.ค.จนถึงปัจจุบัน ว่าฤดูฝนปีนี้ทุกพื้นที่ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีน้ำฝนตกต่ำกว่าค่าปกติ เฉลี่ย 9% โดยเฉพาะ ภาคเหนือและภาคกลาง ฝนตกต่ำกว่าค่าปกติ สูง 13% ทำให้ปริมาณเก็บกักในเขื่อนทั่วประเทศ ทั้งเขื่อนขนาดใหญ่ 35 แห่ง เขื่อนขนาดกลาง 412 แห่ง ขณะนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บเฉลี่ยเพียง 55% ของความจุทั้งหมด หรือประมาณ 41,887 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากจำนวนที่กักเก็บนี้ใช้การได้เพียง 17,900 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 34% เท่านั้น อีกทั้งฤดูฝนปีนี้กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จากนี้ไปจนถึงแล้งหน้า กรมชลประทาน ได้วางแผนเพื่อให้มีน้ำใช้พอถึงต้นฤดูฝนหน้า ช่วงพ.ค.ถึงเดือนก.ค. 2564 โดยได้สั่งการให้ชลประทานจังหวัดและโครงการส่งน้ำต่างๆ ให้เก็บน้ำในเข้าแก้มลิงในพื้นที่ให้หมด จัดแผนการใช้น้ำตามกิจกรรมสำคัญ เน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นหลัก รองลงมาคือเก็บน้ำเพื่อการรักษาระบบนิเวศม์ หากพอมีจึงจะปล่อยให้ใช้ทางการเกษตรและเพื่อการอุตสาหกรรมเป็นลำดับสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แนะช่วงนี้ที่ยังพอมีฝนตกขอประชาชนเร่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ของตนเองและใช้น้ำกันอย่างระมัดระวังเพราะคาดการณ์ฝนหน้าก็จะยังมีปริมาณที่น้อยเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล กล่าวว่า กรมชลประทาน ไม่ได้ส่งน้ำในหน้าแล้งปี 2562-2563 เนื่องจากน้ำต้นทุน 4 เขื่อนใหญ่ ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้อย ล่าสุดน้ำในลุ่มเจ้าพระยา ณ วันที่ 7 ต.ค. มีน้ำใช้การได้เพียง 5,027 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ถึง 400 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ขอพี่น้องเกษตรในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ร่วมมือกันทำเกษตรตามคำแนะนำต่อไป
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์
