[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ผู้แปล/นงค์รักษ์ เหล่ากอคำ (李慧毓)
กรมตรวจคนเข้าเมืองซินจู๋(新竹)เดินสายเข้าไปดูนักเรียนต่างชาติถึงโรงเรียน โดยครั้งนี้ได้เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหมิงซิน เพื่อไปแนะแนวเรื่องกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการพำนักอยู่ในไต้หวันของชาวต่างชาติ ให้นักศึกษาต่างชาติเข้าใจถึงสิทธิและกฎหมายใหม่สำหรับการพำนักอยู่ในไต้หวัน และยังได้รับการสนับสนุนจากสถานีตำรวจซินจู๋ ในการเข้าไปให้ความรู้ในเรื่องทักษะการป้องกันตัวและเรื่องความปลอดภัยในการใช้ชีวิตในไต้หวันอีกด้วย ครั้งนี้เป็นการนำความอบอุ่น ความห่วงใยและใส่ใจไปให้นักศึกษาต่างชาติกันอย่างล้นหลาม
วันที่จัดอบรม กรมตรวจคนเข้าเมืองทีมผู้ดูแลให้คำปรึกษาด้านการดำรงชีวิตและทีมผู้ให้ความรู้ทางด้านกฎหมายสำหรับการพำนักอยู่ในไต้หวัน โดยมีกลุ่มนักศึกษาชาวต่างชาติเข้าร่วมมากกว่า 50 คน เนื้อหาประกอบไปด้วย การสมัครบัตรARC การต่ออายุการสมัครบัตรARC รวมไปถึงการอธิบายเกี่ยวกับไวรัสหมูและมาตราการการป้องกันไวรัสโควิด19 เช่นกัน สุดท้าย คุณเผิงจื้อเว่ย (彭智偉)หัวหน้าแผนกกิจการกรมตำรวจต่างประเทศของรัฐบาลเมืองซินจู๋ ได้แนะนำ "แอพ Policing Service" ให้กับนักเรียนต่างชาติ เพื่อเตือนนักศึกษาถึงความสำคัญของการปกป้องตัวเองในไต้หวันอีกด้วย
นอกจากนี้สถานีให้บริการเมืองซินจู๋ เพื่อเป็นไปตามนโยบายใหม่ของสภาพัฒนาแห่งชาติทางกรมตรวจคนเข้าเมืองยังอธิบายถึง "การเปลี่ยนหมายเลขในบัตรARC" โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2021 ใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ของชาวต่างชาติหรือARC จะเปลี่ยนรหัสภาษาอังกฤษเหลือเพียง 1 หลักและตามด้วยตัวเลข 9 หลัก การเปลี่ยนตัวเลขใหม่นี้จะเปลี่ยนพร้อมกับที่ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ไปยื่นขอสมัครต่ออายุบัตรARC
คุณหวงชิงชิน(黃清欽)ผู้อำนวยการสถานีบริการเมืองซินจู๋ เตือนว่า นักศึกษาต่างชาตินอกจากจะให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้อยู่อาศัยใหม่และกฎระเบียบในไต้หวันแล้ว ความปลอดภัยส่วนบุคคลยังเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ ดังนั้นในครั้งนี้สำนักงานตำรวจเมืองซินจู๋จึงมาให้ข้อมูลสำหรับวิธีการป้องกันตัว และแนะนำAPP เพื่อติดตามข่าวสารสำคัญหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังพูดถึงการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 แนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่แออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่น หากคุณมีคำถามใด ๆ คุณสามารถโทรไปที่สายด่วนป้องกันการแพร่ระบาดโรค 1922 เพื่อขอคำปรึกษาได้