ตามข้อมูลจาก “โรงพยาบาลเพชรเวช” อันตรายที่มาจากอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง มีดังนี้1. ในเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล จะมีการเคลือบสารสารฟอสเฟตก่อนนำมาแช่แข็ง เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นหืน หากมีสารตัวนี้มาก อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองต่อผิวหนังได้2. อาหารแปรรูปแช่แข็งมักใส่สารกันบูด หากได้รับในปริมาณมาก จะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย หรือถ้าได้รับสารกันบูด เป็นเวลานานๆ จะเกิดสารพิษสะสม ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งได้3. อาหารระเบิดในไมโครเวฟ ถ้าภาชนะไม่สามารถทนความร้อน เมื่ออุ่นในไมโครเวฟจะทำให้เกิดการไหม้ได้ หรือหากไม่มีการระบายไอน้ำขณะอุ่นร้อนในไมโครเวฟ อาจะจะเกิดการระเบิดได้เช่นกัน4. สารอาหารไม่ครบถ้วน อาหารแปรรูปแช่แข็งจะลดคุณค่าของสารอาหารประเภท เนื้อสัตว์ สามารถสังเกตได้จากสี เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จากสีแดง จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวันตามข้อมูลจาก “โรงพยาบาลเพชรเวช” เคล็ดลับในการบริโภคอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง มีดังนี้เลือกภาชนะที่ไม่เสื่อมสภาพ ไม่มีรอยรั่ว ฉีกขาด สังเกตที่สลากจะมีเขียน ไมโครเวฟเอเบิล (Microwaveabel) หรือไมโครเวฟ เซฟ (Microwave save) ภาชนะที่ผ่านการใช้ไมโครเวฟแล้ว ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำอีก เพราะ จะมีสารตกค้างจากภาชนะ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ในระหว่างที่ทำการอุ่นจะต้องไม่ลืมเจาะรูแผ่นพลาสติกระบายไอน้ำ หากไม่เจาะรูระบายไอน้ำอาหารที่กำลังทำการอุ่นในไมโครเวฟ จะเกิดการระเบิดเป็นอันตรายได้ ฉลากจะต้องบอกข้อมูลทางโภชนาการ และข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด เช่น วันผลิต วันหมดอายุ วิธีการบริโภค ส่วนประกอบของอาหาร เป็นต้น การเลือกเมนูอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะเมนูผัก หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันอย่างไรก็ตาม อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เป็นทางเลือกในการรับประทานอาหารของผู้ที่เร่งรีบ มีเวลาจำกัด เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว สามารถหาซื้อ และทำรับประทานเองได้ง่าย หากมีความจำเป็นที่จะต้องบริโภคอาหารสำเร็จรูป ควรที่จะรับประทานอาหารสดควบคู่กัน เพื่อที่จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และดื่มน้ำเพื่อขับสารที่อยู่ในอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งออกทางปัสสาวะ ไม่ให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกายอ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า
ตามข้อมูลจาก “คมชัดลึกออนไลน์” ได้แบ่งปันทริคง่ายๆ ในการเลือกรับประทานโยเกิร์ตให้หุ่นเป๊ะ-ผิวปัง ดังนี้1. รู้จักส่วนผสม เลือกดีมีชัยไปกว่าครึ่งผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตมีให้เลือกทั้งที่ผลิตจากนม และไม่ได้ผลิตจากนม ซึ่งมีคุณค่าทางสารอาหารและรสชาติแตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญสำหรับการเลือกโยเกิร์ตของสายรักสุขภาพก็คือ อย่าลืมดูปริมาณน้ำตาลในส่วนประกอบ ควรดูข้อมูลส่วนประกอบเลือกอันที่มีน้ำตาลน้อย และควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไม่ผสมผลไม้หรือส่วนประกอบอื่นเพราะมักจะมีน้ำตาลแฝงมาด้วย2. โปรตีน ตัวเอกที่ทำให้อิ่มท้องสำหรับใครที่อยากคุมอาหาร ต้องมองหาอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง เพราะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดการกินจุบจิบ การเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนเกรลิน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความอยากอาหารและทำให้ร่างกายรู้สึกหิว นอกจากนี้ โปรตีนยังจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พร้อมสำหรับการออกกำลังกายเพื่อสร้างหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย ดังนั้นหากใครกำลังเลือกโยเกิร์ตที่ดีต่อการควบคุมน้ำหนัก อย่าลืมดูปริมาณโปรตีนที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีอ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า3. เป๊ะทั้งหุ่นทั้งผิว ต้องไม่ลืมบำรุงด้วย Super Food ให้เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกใครที่ตั้งใจดูแลความสวยล้วนเข้าใจดีว่า ถ้าเราตั้งใจลดน้ำหนักหรือลดสัดส่วนลงแต่ไม่ดูแลผิวพรรณให้ดี ก็สร้างความสวยแบบเฮลตี้ไม่ได้ ดังนั้น การเติมอาหารให้กับผิวคืนความเปล่งปลั่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเลือก โยเกิร์ต ที่มีส่วนประกอบของวิตามินต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้สมบูรณ์4. เลือกกินให้ดีพร้อมขยับร่างกายนอกจากเลือก โยเกิร์ต ที่มีส่วนประกอบที่มีประโยชน์แล้ว การออกกำลังกายก็สำคัญไม่แพ้กัน ใครที่ต้องการรักษาสุขภาพต้องออกกำลังกายให้ได้ทั้ง 2 ประเภทคือ คาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญพลังงาน เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ เต้น และเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เช่น ยกดัมเบล โยคะ พิลาทิส และอย่าลืมสร้างพลังงานดีๆ ให้ร่างกายด้วยการกินโยเกิร์ตสักถ้วยก่อนออกกำลังกายอ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวัน
ตามข้อมูลจาก “เฟซบุ๊กกระทรวงมหาดไทย” น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 66 ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการขยายเวลาการเปิดสถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวในบางพื้นที่เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยลำดับ เพื่อให้นโยบายกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวดังกล่าวสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชน ขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการได้ ดูแลผลกระทบด้านสังคมได้อย่างรอบด้านและเป็นไปตามกฎหมายอ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวันตามข้อมูลจาก “เฟซบุ๊กกระทรวงมหาดไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการที่จะออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับพื้นที่ท่องเที่ยว เงื่อนไขที่ต้องดำเนินการในกรณีที่จะกำหนดเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานบริการถึงเวลา 4.00 น. ได้ ซึ่งกฎกระทรวงนี้จะเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปที่ทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพในภาคการท่องเที่ยวสามารถขอขยายระยะเวลาสถานบริการได้ โดยหากพื้นที่ใดขออนุญาตเข้ามาและสามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตามกฎกระทรวง รมว.มหาดไทยก็จะออกประกาศกระทรวงให้เป็นรายพื้นที่ต่อไป“การออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อเป็นหลักการให้แบบนี้ก็เพื่อเป็นการไม่เลือกปฏิบัติว่าภาครัฐไปอนุญาตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ให้ หากพื้นที่ใด จังหวัดใดมีความพร้อมและสามารถปฏิบัติได้ตามที่กฎกระทรวงกำหนดก็ยื่นขอมาทางมหาดไทย และท่านรัฐมนตรีก็จะประกาศให้รายพื้นที่ตามความพร้อม ซึ่งจะสอดรับกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ไม่ได้เลือกช่วงเวลาหรือเลือกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้เพื่อลดผลกระทบที่อาจตามมาจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าวโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ได้รับทราบหลักการซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในครั้งนี้แล้ว และได้กำชับว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งจะประกอบด้วย การยกร่างกฎกระทรวง ให้ รมว.มหาดไทยเห็นชอบก่อนนำออกรับฟังความคิดเห็น และเสนอเข้าที่ประชุม ครม. อนุมัติ และ รมว.มหาดไทยลงนามอีกครั้งก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ต่อไปอ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า