img
:::
ข่าวทั้งหมด

สิ่งปรุงรสอาหารของไทยขายดีในต่างประเทศ จนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก

ไทยได้กลายเป็นผู้ส่งออกสิ่งปรุงรสอาหารรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีนแผ่นดินใหญ่ ภาพ/นำมาจากคลังภาพ pixabay
ไทยได้กลายเป็นผู้ส่งออกสิ่งปรุงรสอาหารรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีนแผ่นดินใหญ่ ภาพ/นำมาจากคลังภาพ pixabay
เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่】ผู้เรียบเรียงและแปล/นงค์รักษ์ เหล่ากอคำ (李慧毓)

ตามรายงานข่าวของ “ฐานเศรษฐกิจ” ระบุว่า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สินค้าสิ่งปรุงรสอาหารถือเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทยที่มีศักยภาพทั้งการผลิตและการส่งออก ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสิ่งปรุงรสอาหารอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน นอกจากนี้ สินค้าสิ่งปรุงรสอาหารมีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เนื่องจากประชาชนหันมาประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงเป็นโอกาสที่สินค้าไทยจะขยายตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม: พนักงานทุกคนต้องทราบ! รง.เผย “ทำงานในช่วงตรุษจีนวันส่งท้ายปีเก่าถึง 3 วันแรก” ควรได้รับค่าจ้าง 2 เท่า

สิ่งปรุงรสอาหารของไทยขายดีในต่างประเทศ จนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภาพ/นำมาจากคลังภาพ pixabay

สิ่งปรุงรสอาหารของไทยขายดีในต่างประเทศ จนกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภาพ/นำมาจากคลังภาพ pixabay

ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) เพิ่มแต้มต่อขยายส่งออกสินค้าสิ่งปรุงรสอาหารไปตลาดคู่ค้า FTA ซึ่งปัจจุบัน 15 ประเทศคู่ FTA ของไทย ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ฮ่องกง ชิลี และเปรู ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสิ่งปรุงรสอาหารที่ส่งออกจากไทยแล้วทุกรายการ เหลือเพียง 3 ประเทศ

ที่ยังคงภาษีนำเข้าในสินค้าบางรายการ ได้แก่ ญี่ปุ่น เก็บภาษีนำเข้าซอสมะเขือเทศ 15.3-17% เกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้าซอสถั่วเหลืองและเต้าเจี้ยว 5% และอินเดีย เก็บภาษีซอสและสิ่งปรุงรส 30% นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นความตกลงฯ ฉบับล่าสุดของไทย จะมีผลบังคับให้เกาหลีใต้ทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้าเต้าเจี้ยวให้ไทยจนเหลือศูนย์ ภายในปี 2579

“ตลาดสิ่งปรุงรสอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคในต่างประเทศนิยมรสชาติอาหารไทย และมีสินค้าวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารไทยในต่างประเทศ ทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยเติบโตในระยะยาว ดังนั้น ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานและส่วนผสมของวัตถุดิบไม่ให้มีสารปนเปื้อน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย มีฉลากคำอธิบาย และบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ตอบโจทย์ด้านความสะดวกและกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ”

อ่านข่าวเพิ่มเติม: วันหยุดตรุษจีน 31 ม.ค. ถึง 3 ก.พ.จะไม่มีการให้บริการฉีดวัคซีน กลับมาให้บริการอีกครั้ง 4 ก.พ.

สำหรับในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าสิ่งปรุงรสอาหาร มูลค่า 949.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 12% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยไทยส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่ารวม 509.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 53.66% ของการส่งออกสิ่งปรุงรสอาหารทั้งหมดของไทย ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 1 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออกถึง 30% ของการส่งออกทั้งหมด ขยายตัว 10%

สหรัฐอเมริกา ขยายตัว 13% เนเธอร์แลนด์ ขยายตัว 26% จีน ขยายตัว 18% และเกาหลีใต้ ขยายตัว 6% เป็นต้น สินค้าส่งออกยังเติบโตได้ดีเกือบทุกรายการ อาทิ ซอสพริก ขยายตัว 37% ซอสถั่วเหลือง ขยายตัว 27% น้ำปลา ขยายตัว 20% ผงปรุงรส ขยายตัว 11% ซอสมะเขือเทศ ขยายตัว 7% และสิ่งปรุงรสอื่นๆ ขยายตัว 6%

ขอบคุณเนื้อหาจาก: ฐานเศรษฐกิจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

ข่าวล่าสุด 最新消息icon
回到頁首icon
Loading