เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 หลักติดต่อกันเป็นเวลา 9 วันติดต่อกัน และยังมีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อในร้านกาแฟสตาร์บัคส์จำนวน 55 ราย เพื่อเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป จะมีการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น
นับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. เป็นต้นมา เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นในอัตราตัวเลข 3 หลักทุกวัน และในวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มถึง 332 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงโซล ส่งผลให้ปัจจุบันเกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันทั้งสิ้นมากถึง 17,002 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 309 ราย
เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. เป็นต้นไป จะขยายการดำเนินมาตรการรับมือเหตุฉุกเฉินขั้นที่สองซึ่งจากกรุงโซลและจังหวัดคยองกีไปทั่วประเทศ โดยไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมในอาคาร 50 คน และกลางแจ้ง 100 คน ส่วนสถานบันเทิงทุกประเภท เช่น โรงอาหาร อินเทอร์เน็ต คาเฟ่ ไนต์คลับ ร้านคาราโอเกะสนามเด็กเล่น ร้านวิดีโอเกม และโบสถ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการและไม่เปิดให้ผู้ชมเข้าชมการแข่งขันกีฬาด้วย
สำนักข่าว AP ระบุว่า มาตรการห้ามดังกล่าว ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่รัฐบาลกลางอนุญาติให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้อย่างยืดหยุ่นในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ โดยสามารถเชิญชวนผู้ประกอบการให้หยุดการให้บริการได้แต่ไม่เป็นการบังคับ
การแพร่ระบาดในรอบนี้กำลังโจมตีเกาหลีใต้ ร้านกาแฟที่พบได้ทั่วไปในกรุงโซลก็ได้กลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรค สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โบสถ์และร้านกาแฟเกิดการติดเชื้อแบบกลุ่มหลายกลุ่ม โดยมีรายงานผู้ป่วยอย่างน้อย 55 รายในร้านสตาร์บัคส์แห่งหนึ่งในเมืองพาจูจังหวัดคยองกีโดทางตอนเหนือของกรุงโซลเพียงแห่งเดียว และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเมืองในเขตกังนัม กรุงโซล ในร้านกาแฟ Hollys Coffee ก็มีผู้ติดเชื้อ 15 ราย เช่นกัน
หน่วยงานสาธารณสุขสงสัยว่า เครื่องปรับอากาศอาจเป็นตัวการของการแพร่ระบาดของร้านกาแฟ ในกรณีของสตาร์บัคส์ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันนั่งอยู่ใกล้เครื่องปรับอากาศบนชั้นสองและมีแนวโน้มว่าไวรัสจะแพร่กระจายผ่านละอองลอย และเนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย แม้ว่าจะมีเครื่องปรับอากาศ แต่การไหลเวียนของอากาศไม่ดี จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และแม้ว่าจะไม่ได้รับการส่งผ่านละอองลอย แต่ก็อาจแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางมือ เป็นต้น
ชาวเกาหลีใต้เป็นที่รู้กันว่าชื่นชอบดื่มกาแฟ ณ สิ้นปี 2019 มีร้านกาแฟมากถึง 93,000 แห่งในประเทศ โดยในกรุงโซลมีมากถึง 42,600 แห่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ร้านกาแฟและร้านอาหารไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นสถานที่สาธารณะที่มีความเสี่ยงสูงดังนั้นจึงไม่อยู่ในขอบเขตของการห้าม จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นช่องโหว่ของการป้องกันการแพร่ระบาดของเกาหลีใต้