ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โครงการเติมทรายหาดสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา คืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 70-80 มีอัตราการเติมทรายดีมาก โดยโครงการนี้เป็นผลกระทบจากชายหาดแห่งนี้ถูกคลื่นมรสุมลมแรงซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น คลื่นมีความสูงจากเดิมเฉลี่ย 2-4 เมตร ในช่วงมรสุมเดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์ ของทุกปี ทำให้แนวโน้มของชายหาดสมิหลา ช่วงหาดชลาทัศน์ถูกกัดเซาะจากคลื่นลมแรงทุกปี จนเริ่มส่งผลรุนแรงเข้ามาถึงผิวถนนเลียบหาด ทำให้จำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาดโดยการเติมทรายทดแทนหาดเดิมที่หายไป
โดยจากการศึกษาวิจัย พบว่าทรายที่ถูกกัดเซาะส่วนใหญ่ไหลไปอยู่บริเวณแหลมสนอ่อน ใกล้กับปากแม่น้ำสงขลา ห่างออกไป 8 กิโลเมตรจากชายหาดสมิหลา จึงจะใช้วิธีการเลียนแบบธรรมชาติ ใช้กระบวนการดูดทรายเดิมที่ไหลไปอยู่บริเวณแหลมสนอ่อนกลับมาเติมทรายชายหาดชลาทัศน์ ระยะทางรวม 7-10 กิโลเมตร โดยจะมีความกว้างหน้าหาดทรายเฉลี่ย 40 – 90 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดในช่วงปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้จะช่วยลดผลกระทบจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และคลื่นลมแรงในระยะยาว รวมทั้งส่งผลดีในเชิงการท่องเที่ยว ที่สารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศได้จำนวนมาก ซึ่งหาดสมิหลา เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความสวยงาม และมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ เข้ามาท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี
ศ.ดร.ธนวัฒน์ กล่าวอีกว่าสำหรับปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งหาดสมิหลา มีปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดลมมรสุมที่ถี่ขึ้น ส่งผลให้เกิดคลื่นลมแรงมากกว่าปกติ รวมทั้งธรรมชาติไม่สามารถสร้างตะกอนทรายใหม่เข้ามาเติมชายหาดเดิมที่ถูกกัดเซาะไป จึงต้องมีการนำทรายเดิมที่ไหลไปกลับมาเติมทรายชายหาดอีกครั้ง โดยมีข้อมูลทางการวิจัยแล้วพบว่าทุก 10 ปี ชายหาดสมิหลาจะต้องมีการเติมทรายอีกครั้ง สำหรับโครงการเติมทรายชายหาดแห่งที่ 3 จะมีขึ้นที่หาดจอมเทียน
ข้อมูลข่าวจาก สำนักข่าวไทย
