ในการตรวจผู้ป่วยนอก ศ.ดร.หยาง เซิงหนาน รองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาแห่ง โรงพยาบาลอีต้า มักได้รับคำถามจากผู้ปกครองว่า "ทำอย่างไรให้ลูกฉลาดขึ้น?" ด้วยประสบการณ์ด้าน สรีรวิทยาทางประสาทกว่า 30 ปี เขาอธิบายว่า โภชนาการที่เหมาะสม ดนตรีที่ถูกต้อง และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะก่อนอายุ 13 ปี สามารถช่วยพัฒนาความฉลาดและทักษะการเรียนรู้ของเด็กได้อย่างมีนัยสำคัญ
ศ.ดร.หยาง แนะนำให้ผู้ปกครองให้ลูกดื่ม ซุปเต้าหู้ปลาใส่มิโซะ เนื่องจาก มิโซะ อุดมไปด้วย กลูตามีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วย กระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง และ เสริมสร้างการพัฒนาของสมอง งานวิจัยพบว่า กลูตามีนช่วยเสริมสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท และเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ นอกจากนี้ เขาแนะนำให้ใช้ มิโซะจากฮอกไกโด ซึ่งมีปริมาณ กลูตามีนสูงกว่า จากแหล่งอื่น และควรรับประทานร่วมกับ น้ำมันปลา DHA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมการออกกำลังกายมีความสำคัญต่อสุขภาพสมองเช่นกัน (ภาพ / จัดทำโดย Heho Health)
นอกจากอาหารแล้ว ดนตรี ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา ศักยภาพของสมอง งานวิจัยพบว่า บทเพลง K.448 ของโมซาร์ท สามารถช่วยพัฒนา ความสามารถด้านการคิดเชิงพื้นที่และความจำ เนื่องจากความถี่เสียงของเพลงนี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ซึ่งเรียกกันว่า "โมซาร์ทเอฟเฟกต์" ศ.ดร.หยาง แนะนำให้เปิดเพลงนี้เป็น เสียงพื้นหลัง เพื่อช่วย เพิ่มสมาธิและพัฒนาสติปัญญา ของเด็ก
นอกจากนี้ เขายังเน้นว่า การออกกำลังกายมีความสำคัญต่อสุขภาพสมองเช่นกัน ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม สมาธิและสมรรถภาพทางกาย แต่ยังช่วยเสริม ความจำ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ และความคิดสร้างสรรค์ อีกด้วย ผู้ปกครองควรสนับสนุนให้เด็ก ออกกำลังกายควบคู่ไปกับโภชนาการที่เหมาะสมและดนตรี เพื่อช่วยให้เด็กเติบโตอย่างสมบูรณ์ศ.ดร.หยาง เซิงหนาน รองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา โรงพยาบาลอีต้า (ภาพ / จัดทำโดย Heho Health)
บทความนี้เผยแพร่โดยได้รับอนุญาตจาก Heho Health