ทุกคนมักจะได้ยินคำว่า “อาหารเป็นพิษ” อยู่บ่อยๆ แล้วมันคืออะไร? เมื่อคนสองคนขึ้นไปกินอาหารชนิดเดียวกันและมีอาการคล้ายกันก็จะเรียกว่า อาหารเป็นพิษ สำหรับอาการของอาหารเป็นพิษที่พบบ่อยได้แก่ ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ ปวดศีรษะ และอ่อนแรง เป็นต้น แต่ไม่ใช่ทุกอาการที่จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับอายุ และสถานะสุขภาพส่วนบุคคล ประเภทของสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคที่ทำให้อาหารเป็นพิษ และรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไปมากน้อยแค่ไหน
จากสถิติในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาที่เกิดอาหารเป็นพิษสูงสุดเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค.ถึงเดือนต.ค.ของทุกปี ซึ่งสาเหตุหลักของอาหารเป็นพิษคือ การแช่เย็นหรืออุ่นร้อนที่ไม่เพียงพอ อาหารถูกทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป การปนเปื้อนระหว่างอาหารดิบและอาหารปรุงสุก สุขอนามัยที่ไม่ดีของพนักงานทำอาหาร ไม่ได้ทำความสะอาดภาชนะหรืออุปกรณ์เตรียมอาหาร และแหล่งน้ำมีมลพิษ เป็นต้น
นายจัง รุ่ยเซียน (張蕊仙) ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขมณฑลเหมี๋ยวลี่กล่าวว่า ประชาชนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสภาวะการถนอมอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงการเติบโตของจุลินทรีย์เนื่องจากการถนอมอาหารที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ฤดูร้อน (อุณหภูมิห้องมักจะเกิน 32 องศา) อย่าทิ้งอาหารไว้นานกว่า 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ หลายคนชอบกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำประเภทหอย ควรอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน อย่ารับประทานดิบ ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการด้านอาหารควรตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ พยายามจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกให้กับผู้บริโภค ล้างมือก่อนและหลังการเตรียมอาหาร รวมทั้งแยกมีดและเขียงที่ใช้เตรียมอาหารที่ดิบและสุกออกจากกันเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อน
หลักการ 5 ประการในการป้องกันอาหารเป็นพิษ สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการด้านอาหาร เพื่อให้ทุกคนรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี:
- ต้องล้างมือ: ทำความสะอาดมือก่อนและหลังเตรียมอาหาร หากมีแผลต้องพันให้เรียบร้อย
- ต้องสดใหม่: วัตถุดิบต้องสด และน้ำที่ใช้ล้างต้องสะอาดและถูกสุขอนามัย
- แยกอาหารดิบและปรุงสุก: ใช้ภาชนะที่แตกต่างกันในการจัดการกับอาหารดิบและอาหารปรุงสุกเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- ให้ความร้อนอย่างทั่วถึง: อุณหภูมิศูนย์อาหารสูงเกิน 70 ° C แบคทีเรียจะถูกทำลายได้ง่าย
- ใส่ใจกับอุณหภูมิในการจัดเก็บ: อุณหภูมิในการจัดเก็บร้อนต้องสูงกว่า 60 ℃ส่วนการจัดเก็บในตู้เย็นต้องต่ำกว่า 7 ℃และไม่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกินไป