ขณะที่โรคระบาดในพื้นที่กำลังร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง คุณเฉินซื่อจง (陳時中) ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแพร่ระบาดกลาง ประกาศ ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พฤษภาคมว่า ทั่วประเทศจะขยายเวลาการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นระดับที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน พร้อมเรียกร้องให้พี่น้องชาวไต้หวันร่วมด้วยช่วยกันในการป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งนี้ทางทีมงาน 4-Way Newsอยากรู้ว่านักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาเรียนในไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นปริญญาตรี ปริญญาโทหรือปริญญาเอก จะใช้เวลาในช่วงการเฝ้าระวังโรคระบาดนี้อย่างไรบ้าง
แซนดี้ นักศึกษาชาวอินโดนีเซียที่เรียนที่มหาวิทยาลัยไทเป (เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล จึงใช้นามแฝง) พูดตรงๆว่า "เขาอยู่แต่ในหอพักนักศึกษาไม่ได้ออกไปไหนเลย เขาไม่มีอะไรมากวันๆก็ท่องอินเทอร์เน็ตและเขียนรายงาน แต่เพราะมันน่าเบื่อเกินไป เขาจึงเริ่มมีการวิดีโอคอลกับเพื่อนๆด้วย พวกเขาจัดกลุ่ม "ชุมนุมออนไลน์" วิดีโอคอลรับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นพร้อมพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าเราจะไม่สามารถเจอหน้ากันในตอนนี้ แต่เรายังคงรักษามิตรภาพกับเพื่อนๆ ด้วยวิธีแบบนี้ได้" เธอกล่าว
ต่อมา คือ เอ็ดเวิร์ด ชาวฮ่องกงมาเก๊า ที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกันกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนที่จะเล่นวอลเลย์บอลด้วยกันกับเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว แม้แต่จะไปยิมยังไม่ได้ "ดังนั้นพวกเขาเลยนัดวิดีโอคอลที่บ้าน สำหรับการเรียนรู้เรื่องแกนกลางหรือพิลาทิส บางทีก็มีการนัดวิดีโอคอลพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นบ้าง" เอ็ดเวิร์ดกล่าวขำๆว่า เขาเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนที่ไต้หวัน ส่วนใหญ่ก็ใช้การวิดีโอคอลคุยกับเพื่อนๆหรือญาติที่อยู่ต่างแดนประจำ ดังนั้นการทำเช่นนี้จึงไม่ใช้เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาสักเท่าไหร่นัก
ผู้ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่าง เจนนี่ ที่เดินทางมาจากเมืองไทย ปัจจุบันกำลังเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ (เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล จึงใช้นามแฝง) พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันเธอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน part-time และการเรียน ต่างก็ปรับเป็นระบบออนไลน์หมดแล้ว เพื่อนนักศึกษาหรือเพื่อนร่วมงานต่างชาติของเธอจำนวนมากก็ต่างหมกอยู่แต่ในห้องเล็กๆของตัวเอง "เนื่องจากมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดระดับที่ 3 นี้ ทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ต่อให้ออกไปได้ก็ไม่มีที่ให้นั่งทำงานหรือทำอะไรได้เลย ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องกลับมาทำที่ห้องของตัวเอง วันๆใช้คอมพิวเตอร์ทำการบ้าน สร้างความบันเทิง ส่วนอาหารทั้ง 3 มื้อ บ้างก็ทำเอง บ้างก็สั่งเดลิเวอรี่ แม้จะรู้สึกว่าชีวิตเหมือนถูกขังไว้ตลอดทั้งวัน ทั้งยังส่งผลต่อคุณภาพการเรียน และประสิทธิภาพในการทำงานในระดับหนึ่ง รวมถึงเกิดสภาวะซึมเศร้า ดูๆแล้วเหมือนจะมีแต่ความเสียหาย มีแต่ความไม่ดี แต่เมื่อมองย้อนกลับไปที่ประเทศอื่นๆ สถานการณ์การแพร่ระบาดนั้นร้ายแรงมากยิ่งกว่า ทำให้ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันเผชิญไม่นับอะไร ฉันก็ภาวนาให้โรคระบาดนี้หมดไปโดยเร็ว"