【เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่】ผู้แปลและเรียบเรียง/นงค์รักษ์ เหล่ากอคำ (李慧毓)
ตามรายงานข่าวของ “Sanook” ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สำหรับค่าเหยียบแผ่นดิน หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว” จะเป็นการจัดเก็บเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเท่านั้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม: พนักงานต้องดู! ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นไป หากนายจ้างจัดให้พนักงานทำงานล่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นกะกลางวันหรือกะดึกต้องจ่ายค่าโอที
ไทยจะเริ่มเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย คนละ 300 บาท หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน”โดยเงินที่ได้จะนำไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและทำประกันภัยให้นักท่องเที่ยว ภาพจาก/TAT Taipei TOURISM AUTHORITY OF THAILAND
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีการศึกษาวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ทั้งด้านการศึกษาเชิงเปรียบเทียบ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและผลกระทบ การวิเคราะห์เชิงเศรษฐมิติ การสอบถามความคิดเห็นเชิงลึกจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พบว่า อัตราการจัดเก็บที่เหมาะสมเป็นรายละ 300 บาท ต่อครั้งสำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทย
ซึ่งได้กำหนดไว้ว่าเงินจำนวน 300 บาทดังกล่าวนี้ จะนำเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยประมาณ 50% ซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยว 20% (ระยะเวลาความคุ้มครอง 45 วัน) ส่วนเงินที่เหลือประมาณ 20-30% จะเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างบริษัทหรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: คุณแม่ต้องรีบดู! รัฐบาลเมืองนิวไทเปประกาศ ปีใหม่นี้ให้กำเนิดบุตรคนที่ 3 จะได้รับเงินอุดหนุนเป็น 30,000 เหรียญไต้หวัน
โดยคาดว่าเร็วที่สุดน่าจะสามารถเริ่มจัดเก็บได้ในวันที่ 1 เมษายน 2565 ซึ่งขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติ และจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ และนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด คาดว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (เมษายน-กันยายน 2565) จะสามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 ล้านคน
ขอบคุณเนื้อหาจาก: Sanook