ด้วยความก้าวหน้าที่เพิ่มมากขึ้นของ AI ประกอบกับงานประเภทใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พนักงานออฟฟิศจำนวนมากเกิดความกังวลว่าจะถูกแทนที่ จากการสำรวจของธนาคารทรัพยากรมนุษย์ 1111 (แพลตฟอร์มรับสมัครงานในไต้หวัน) มีพนักงานออฟฟิศกว่า 55% รู้สึกถึงความเสี่ยง โดยในจำนวนนี้ พนักงานที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี มีความกังวลมากที่สุด ในขณะที่พนักงานอายุ 51 ปีขึ้นไป ไม่รู้สึกกังวลใดๆ
จากข้อมูลจากการสำรวจของธนาคารทรัพยากรมนุษย์ 1111 พบว่า มีบริษัทที่ไม่ได้จำกัดการใช้ AI ของพนักงานถึง 70% และมี 6.6% นำ AI มาใช้ในธุรกิจ ทั้งยังสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีก 41.9% มีการอนุญาตให้พนักงานใช้งานได้ตามความต้องการส่วนตัว อย่างไรก็ตามยังมีบริษัทเกือบ 30% จำกัดการใช้งานของ AI เนื่องจากกังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล
AI มีโอกาสเข้ามาแทนที่ พนักงานต้อนรับ คอลเซ็นเตอร์ และอาชีพอื่นๆ ได้ในอนาคต ภาพ/จากคลังภาพ Pixabay
อ่านข่าวเพิ่มเติม:WHO ระบุว่า แอสปาร์แตม สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นสาร 'ก่อมะเร็งในมนุษย์'
จากการสำรวจยังพบว่า พนักงานออฟฟิศมากกว่า 55% เชื่อว่าตนอาจถูก AI แทนที่ โดยเฉพาะพนักงานใน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจการขนส่งและการค้า งธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ รุ้สึกมีความกังวลมากที่สุด นอกจากนี้ 82% ของพนักงานออฟฟิศเชื่อว่าในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่บางอาชีพ โดนอาชีพที่มีแนวโน้มที่จะถูกแทนที่ได้ง่าย ได้แก่ อาชีพนักแปล พนักงานบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ พนักงานต้อนรับ นักเขียนคำโฆษณาด้านการตลาด เป็นต้น
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของธนาคารทรัพยากรมนุษย์ 1111 วิเคราะห์ว่า AI จะมาแทนที่งานประจำที่ไม่ซับซ้อน แต่ไม่สามารถมาแทนที่มนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิง ยังมีอีกหลายงานที่ยังคงต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของมนุษย์ การเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต ปรับตัวเพื่อให้สามารถทำงานอยู่ร่วมกับ AI ได้อย่างมีความสุขถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า