ด้วยการใช้งาน 3C ที่เพิ่มขึ้น โรคต้อกระจกในไต้หวันกำลังส่งผลกระทบต่อคนหนุ่มสาว โดยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุ 30 และ 40 ปี ตามข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมสุขภาพ โรคต้อกระจกเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยเป็นอันดับสอง มีผลกระทบต่อประชากร 41.3% ดร. เฉิน จิน-ยุน อธิบายว่าโรคต้อกระจกเกิดจากการเสื่อมของเลนส์ตา ทำให้การมองเห็นขุ่นมัว กลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีสายตาสั้นรุนแรง เบาหวาน และผู้ที่สัมผัสแสงแดดบ่อย
https://news.immigration.gov.tw/NewsSection/Detail/d88cda1c-1eb5-4ee0-8f38-50607df27d89?category=9&lang=TWปัจจุบัน การรักษาต้อกระจกเพียงวิธีเดียวคือการเปลี่ยนเลนส์ด้วยเลนส์เทียม. รูปภาพจาก Wikimedia Commons
การสัมผัสรังสี UV และการใช้งาน 3C เป็นเวลานานสามารถเร่งการพัฒนาของต้อกระจกได้ นี่คือ 8 อาการที่ต้องระวังและรีบไปพบแพทย์
สัญญาณเตือน:
- ความไวต่อสีลดลง
- สายตาสั้นเพิ่มขึ้น
- มีแสงจ้าตอนกลางคืน
- เห็นภาพซ้อน
- ไวต่อแสงในตอนกลางวัน
- สายตายาวกลับคืนมาอย่างกะทันหัน
- หกล้มบ่อย
- ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยครั้ง
การรักษาและการป้องกัน:
https://news.immigration.gov.tw/NewsSection/Detail/d88cda1c-1eb5-4ee0-8f38-50607df27d89?category=9&lang=TWการกินผักใบเขียวเข้มสามารถช่วยปกป้องดวงตาของคุณได้. รูปภาพจาก Pexels
ดร.เฉินแนะนำให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และหากจำเป็น ให้ทำการผ่าตัดต้อกระจกเพื่อเปลี่ยนเลนส์ที่ขุ่นมัวด้วยเลนส์เทียม การดูแลหลังการผ่าตัดรวมถึงการสวมแว่นกันแดดและหลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพื่อป้องกันต้อกระจก ควรรับประทานผักใบเขียวเข้มที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ลูทีนและเบต้าแคโรทีน และสวมแว่นกันแดดกลางแจ้งเพื่อป้องกันรังสียูวี