ผลสำรวจจากรายงานแนวโน้มการจ้างงานในกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุ โดยเว็บไซต์จัดหางานของไต้หวัน ระบุว่า ผู้ประกอบการมีความยินดีที่จะรับพนักงานที่อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุเข้าทำงาน อยู่ในเกณฑ์ "ปานกลางค่อนไปทางสูง" เพิ่มขึ้น 1.66 เท่า ของ 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการจะมีท่าทีว่ายอมรับกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุเข้าทำงาน แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าจะมีการรับเข้าทำงานจริงๆ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ผู้ประกอบการอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการสรรหาบุคคลากรแบบเดิมๆ หันมาเปิดใจรับพนักงานวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เว็บไซต์จัดหางานของไต้หวัน ระบุว่า ผู้ประกอบการมีความยินดีที่จะรับพนักงานที่อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุเข้าทำงาน อยู่ในเกณฑ์ "ปานกลางค่อนไปทางสูง" ภาพ/จากเว็บไซต์จัดหางาน 104
จากผลสำรวจ ระบุว่า ไต้หวันกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว โดยในปี 2025 จะมีสัดส่วนประชากรที่อายุ 65 ปีขึ้นไปเกิน 20% ทั้งนี้ ธุรกิจที่ขาดแคลนแรงงานมากที่สุด คือ ธุรกิจโรงแรมที่พักและร้านอาหาร ซึ่งมีตำแหน่งงานว่างโดยเฉลี่ย 238,000 ตำแหน่งต่อเดือน รองลงมาคือธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก 198,000 ตำแหน่งต่อเดือน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 181,000 ตำแหน่งต่อเดือน แม้ว่าตอนเปิดรับสมัครงาน จะมีท่าทียินยอมต้อนรับพนังงานวัยกลางคนและผู้สูงอายุเข้าทำงาน แต่ภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ กลับมีอัตราความมิตรต่อกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุต่ำกว่า 50% ผลสำรวจยังระบุอีกด้วยว่า กลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุต่างให้ความสำคัญกับสถานที่ทำงานมาเป็นอันดับแรก และผู้ที่มีอายุ 55 ถึง 64 ปี จะให้ความสำคัญกับบรรยากาศในการทำงานมากกว่าเงินเดือน
กฎหมายส่งเสริมการจ้างแรงงานวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ภาพ/จากสภาบริหารไต้หวัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ธนาคารทรัพยากรมนุษย์ชี้ ไต้หวันขาดแรงงาน 1.08 ล้านคน ธุรกิจโรงแรมที่พักร้านอาหารหนักสุด!
ภาคธุรกิจอาจไม่ทราบว่าคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นหนึ่งในแหล่งแรงงานที่สำคัญและหลากหลาย ดังนั้น หากมีการเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับภาคธุรกิจ และมีวิธีการจัดการเกี่ยวกับการจ้างงานกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุที่เหมาะสมและเป็นมิตรมากขึ้น ก็จะสามารถลดปัญหาขาดแคลนแรงงานที่กำลังเผชิญในปัจจุบันได้