ร่วมกับรายการ ‘สหประชาชาติสุขสันต์’ สถานีวิทยุเพื่อการศึกษาแห่งชาติไต้หวัน (National Education Radio) คอยรายงานเรื่องราวของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวัน ในตอนนี้ ‘เบื้องหลังลูกที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีคุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง’ ได้เรียนเชิญผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ จางเยี่ยนจวิน (張豔君) และลูกสาวของเธอ เซียวอีผิง (蕭依蘋) มาให้สัมภาษณ์ โดยมี อู๋เจิ้นหนาน (吳振南) และ หวงซิ่วเหลียน (黃秀蓮) เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เมื่อ 20 ปีก่อน จางเยี่ยนจวิน ได้แต่งงานย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ไต้หวัน และกลายมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเนื่องจากสามีเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวอุปสรรคมากมายเพียงใดเธอก็ไม่เคยท้อถอย เดินหน้าสร้างแบรนด์อาหารและเปิดร้านขายข้าวหน้าเนื้อ ในปีนี้ลูกสาวสุดน่ารักของเธอพึ่งสอบเข้าเรียนในคณะบัญชีของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันได้ เขากล่าวอย่างซึ้งใจว่า “ทุกความพยายามที่ผ่านมาช่างคุ้มค่าจริง ๆ”
[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ยังได้นำเรื่องราวของทางรายการมาจัดทำเป็นบทความ 5 ภาษา ได้แก่ จีน อังกฤษ เวียดนาม ไทย และอินโดฯ เพื่อให้ผู้อ่านและผู้ฟังเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวการดำรงชีวิตในต่างประเทศของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากขึ้น
“ตอนนั้นชีวิตมันทุกข์ยากจริง ๆ” จางเยี่ยนจวิน ชาวกุ้ยหลิน กว่างซี ประเทศจีน แต่งงานย้ายมาอยู่ไต้หวันแรก ๆ ก็รู้สึกตกหลุมรัก พร้อมกล่าวอย่างมั่นใจว่า “เจ้าชายและเจ้าหญิงจะใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขด้วยกันตลอดไป” นึกไม่ถึงว่าโรคกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลันจะคร่าชีวิตสามีของเธอไป ในช่วงนั้นเธอไม่เพียงแต่สูญเสียที่พักพิงไปเท่านั้น แต่เธอยังต้องมาเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คน ตลอดจนดูแลพ่อตาที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานคนเดียวด้วย “ในแต่ละวันรู้สึกเหมือนไม่เห็นแสงสว่างของวันพรุ่งนี้เลย”
อ่านข่าวเพิ่มเติม: โครงการสร้างฝันของสะใภ้ไต้หวันหลินยวี่เมิ่ง ทำให้อิสราเอลได้มองเห็นไต้หวัน
เนื่องจากลูกชายของเธอมีโรคประจำตัวตั้งแต่เกิด ต้องเดินทางไปรักษาที่ไทเปทุก ๆ เดือน ทั้งยังต้องฉีดยาทุกคืนด้วย เดินเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มีสามีคอยดูแลทั้งหมด แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างเหล่านี้ตกอยู่ที่เธอคนเดียว เดิมเธอทำงานเป็นหัวหน้าแผนกในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แต่เพื่อต้องการมีเวลาที่ยืดหยุ่นมาดูแลครอบครัวมากขึ้น เธอตัดสินใจลาออกจากงานและเปลี่ยนเส้นทางอาชีพใหม่
“ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปัญหาอะไร ต้องหาทางปรับตัวและเอาชนะมันให้ได้!” เธอนึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยสั่งสอนเธอไว้ ทั้งบอกตัวเองให้อดทนเข้มแข็ง แต่เพราะความกดดันที่หนักจนเกินไป เธอเข้าขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ พยายามปรับเปลี่ยนตนเอง “ทุกคนต่างมีข้อสอบเป็นของตัวเอง เมื่อข้อสอบมาแล้ว ฉันก็จะเขียนมันให้เต็ม”
ในตอนที่สามียังมีชีวิตอยู่ เธอจำได้ว่าสามีมักจะซื้อน้ำพริกหอยเชลล์มาให้เธอกินอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เธอเกิดความคิดที่อยากจะทำน้ำพริกเป็นแบรนด์ของตัวเอง จางเยี่ยนจวิน ใช้น้ำพริกที่เป็นหนึ่งในสามมหามบัติของกุ้ยหลินเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้น้ำพริกของเธอแตกต่างจากน้ำพริกหอยเชลล์ไต้หวันทั่วไป ผลิตภัณฑ์ของเธอมีรสชาติเข้มข้น จนเริ่มมีชื่อเสียงในกลุ่มเพื่อนฝูงมากขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอได้ทำน้ำพริกหอยเชลล์ขายในงานการกุศล ครั้งนั้นขายหมดเกลี้ยงในพริบตา ได้รับการชื่นชมจากลูกค้าอย่างมาก ซึ่งทำให้เธอมีความมั่นใจในฝีมือของตัวเองเป็นอย่างมาก
ผสมผสานวัตถุดิบของไต้หวันเข้ากับน้ำพริกโฮมเมดและสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ภาพ/ดึงมาจาก National Education Radio
ด้วยการแนะนำของสมาคมดูแลสตรีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เจียอี้ เธอได้เข้าร่วมในหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นผู้ประกอบการสำหรับสตรีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และในปี 2018 เธอได้เข้าร่วมการแข่งขัน “โปรแกรมหลักสูตรเร่งรัดในการเป็นผู้ประกอบการสำหรับสตรีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่” และได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศและคว้าเงินรางวัล 300,000 เหรียญไต้หวันมาครอง ด้วยเงินรางวัลก้อนนี้ ทำให้เธอสามารถสร้างฝันตัวเองให้เป็นจริง โดยการเริ่มต้นสร้างสตูดิโอขายน้ำพริกหอยเชลล์ น้ำพริกหม่าล่า และกระเทียมดำโฮมเมด
อ่านข่าวเพิ่มเติม: จากเด็กดื้อสู่นิทรรศการภาพยนตร์นานาชาติ เหงียนทูหั่งทอดสะพานระหว่างไต้หวันและเวียดนามในการได้รู้จักกันอีกครั้ง
พิธีกรหวงซิ่วเหลียนอดไม่ได้ที่จะถามจางเยี่ยนจวินว่า “งานคุณยุ่งขนาดนี้ ไหนจะต้องดูแลลูก ๆ และพ่อปู่ เพื่อให้อยู่ใกล้โรงพยาบาลและโรงเรียนใกล้ได้มากที่สุด เลยทำให้มีการย้ายบ้านหลายครั้ง คุณมีวิธีการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและจัดการเรื่องราวการศึกษาของลูก ๆ ได้อย่างไร” จางเยี่ยนจวินอดีตเคยเป็นคุณครูมาก่อนกล่าวว่า “ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน การมีเวลามาอยู่เคียงข้างเป็นสิ่งจำเป็น” และหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต เธอได้รับความรักความอบอุ่นจากชาวไต้หวันจึงมีใจอยากที่จะตอบแทนสังคมบ้าง ในช่วงปิดเทอมเล็กใหญ่ จางเยี่ยนจวิน ได้พาลูก ๆ เดินทางเที่ยวรอบเกาะ พร้อมส่งมอบความอบอุ่นผ่านกล่องอาหารกลางวันให้กับผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว
เมื่อปีที่แล้ว จางเยี่ยนจวิน ได้รู้จักกับเซฟเนื้อย่างสไตล์ฮ่องกงอยู่ท่านหนึ่ง เซฟไม่เพียงแต่ถ่ายทอดวิชาการทำอาหารให้เขาเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือเธอเปิดร้านอีกด้วย ในช่วงที่เธอเปิดร้านก็เจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระดับ 3 ในขณะนั้น เธอได้ขยับขยายไปเปิดขายออนไลน์ช่วงอีกแรง เธอคิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ และอาหารแช่แข็ง จนได้รับรางวัลร้านค้าที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 มาครอง จากกำลังขายที่ดีทำให้เธอมีกำลังทรัพย์จ้างพี่น้องผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ 4 คนและชาวไต้หวันที่มีความทุพพลภาพมาคอยให้บริการลูกค้าด้วยกันอีก 1 คน
“ทุกอย่างต้องต่อสู้และสร้างสรรค์” ลูกสาวของเธอดูแม่เป็นตัวอย่าง เธอพยายามศึกษาร่ำเรียนจนในปีนี้สามารถสอบเข้าเรียนในคณะบัญชีของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันได้ จางเยี่ยนจวินพูดด้วยความรู้สึกซึ้งใจว่า “ความทุกข์ยากลำบากที่ผ่านมา คุ้มค่ามากจริง ๆ” ในตอนท้าย พิธีกรรายการได้ยกตัวอย่างเรื่องราวครอบครัวจางเยี่ยนจวิน ให้กำลังใจผู้ฟังทุกท่าน เราไม่สามารถหลีกหนีจากความทุกข์ยากลำบากในชีวิตได้ ขอเพียงแค่เราไม่ยอมแพ้ พร้อมที่จะสู้กับมัน คุณจะมีโอกาสเอาชนะมันได้อย่างแน่นอน
เนื้อหาการออกอากาศเพิ่มเติม ไปที่ National Education Radio