泰國環球小姐后冠亞曼達答應泰國鏡像基金會 成為志願者社會交流大使
อแมนด้า ตอบรับแล้ว หลัง มูลนิธิกระจกเงา เชิญเป็นอาสาสมัครทูตสื่อสารสังคม
泰國環球小姐2020年冠軍亞曼達（Amanda Obdam）在被委任為心理健康關注大使5天後便被撤職之後，泰國鏡像基金會（The Mirror Foundation）已發布邀請這位年輕的美麗女士作為志願者社會交流大使參加路邊病人項目。
หลังจากที่ กรมสุขภาพจิต ถอด อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 จากทูตด้านสุขภาพจิต จนกลายเป็นกระแสดราม่าในโลกโซเชียลก่อนหน้านี้ ล่าสุด มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์เชิญชวนนางงามสาวมาร่วมงานในโครงการผู้ป่วยข้างถนน ในฐานะอาสาสมัครทูตสื่อสารสังคมแล้ว
在泰國鏡像基金會發布了邀請函之後，很多網民也都對此評論與關注。亞曼達收到邀請函之後也在她臉書上發布了這樣一則帖文：「I am ready to listen, learn and understand your problem. I am ready to work hand in hand with you on a correct and effective solution. I am ready to Listen to You with Empathy. 亞曼達答應泰國鏡像基金會之邀成為路邊病人項目的志願者社會交流大使，非常感謝泰國鏡像基金會。」
ซึ่งหลังจากที่ มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวไปก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ด้าน อแมนด้า หลังจากที่ได้รับการเชิญชวนดังกล่าว ก็ได้โพสต์ภาพและเขียนข้อความตอบกลับผ่านทางแฟนเพจไว้ว่า “I am ready to listen, learn and understand your problem. I am ready to work hand in hand with you on a correct and effective solution. I am ready to Listen to You with Empathy. อแมนด้า ตอบรับคำเชิญชวนของมูลนิธิกระจกเงา เพื่อเป็นอาสาสมัคร ในโครงการผู้ป่วยข้างถนน
ขอขอบคุณ มูลนิธิกระจกเงา”
泰國鏡像基金會也對此做出了回應：「以泰國鏡像基金會的名義，我們很榮幸亞曼達女士能夠接受我們的邀請成為路邊病人項目的志願者，我們對此深感謝意。這次的項目們相信一定能夠給予無家可歸的精神病患者，以及被忽視的患者，能夠得到了治療與幫助。藉此給更多的社會人士反映出這樣的問題，以共同解決問題為目的 #路邊病人項目 #泰國鏡像基金會」
จากนั้น มูลนิธิกระจกเงา ก็ได้โพสต์ตอบกลับ อแมนด้า หลังจากทราบข่าวว่า นางงามดังตกลงรับคำเชิญชวน โดยบอกว่า “ในนามมูลนิธิกระจกเงา รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดียิ่ง สำหรับการตอบรับคำเชิญเป็นอาสาสมัครโครงการผู้ป่วยข้างถนน ของคุณอแมนด้า ภารกิจในครั้งนี้ ทีมงานเชื่อมั่นว่า การร่วมงานกันของเราจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ผู้ป่วยที่ถูกละเลยให้ห่างไกลจากการรักษา ให้ภาพ ให้เสียง ให้ความทุกข์ระทมของพวกเขา ได้ถูกสะท้อน พูดคุย ถกเถียง สื่อสาร เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในวงกว้าง สร้างความเข้าใจต่อผู้คนในสังคม ว่าทำไม เราจึงไม่ควรปล่อยให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ #เพราะมนุษย์ไม่ควรตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ #โครงการผู้ป่วยข้างถนน #มูลนิธิกระจกเงา”
