ตามสถิติพบว่าประมาณ 60% ถึง 80% ของผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 ยังมีภาวะอ้วน โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทีมต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึมของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเปได้เผยแพร่งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2ที่ใช้ยาลดน้ำตาลในเลือดรุ่นใหม่สามารถลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางจอตาและลดโอกาสการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว
นอกเหนือจากการลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว SGLT-2 inhibitors ยังมีฤทธิ์ขับโซเดียม ซึ่งสามารถปรับปรุงการเผาผลาญของกล้ามเนื้อหัวใจและการทำงานของไตได้ รูป / จัดทำโดย Heho Health
ดร. หู ฉีหมิน ผู้อำนวยการแผนกต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึมของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไทเป กล่าวว่า ทีมงานได้ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลประกันสุขภาพแห่งชาติของไต้หวันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การวิเคราะห์ของพวกเขายืนยันว่าผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 ที่ใช้ยาลดน้ำตาลในเลือดรุ่นใหม่ SGLT-2 inhibitors สามารถปกป้องหัวใจและไต ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ผลการวิจัยที่สำคัญนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
ดร. หู อธิบายว่า ปัจจุบันมีการใช้ยาลดน้ำตาลในเลือดแบบเม็ดหลายชนิดในการรักษาเบาหวานประเภทที่ 2 งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยที่ใช้ยาลดน้ำตาลในเลือดรุ่นใหม่ SGLT-2 inhibitors และเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ใช้ยาซัลโฟนิลยูเรีย, α-glucosidase inhibitors และยาซัลโฟนิลยูเรียอื่นๆ โดยวิเคราะห์ความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางจอตา ผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ใช้ SGLT-2 inhibitors มีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางจอตาต่ำกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่นอย่างชัดเจน
ผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 คิดเป็นประมาณ 60% ถึง 80% รูป / pxhere
เขาเน้นย้ำว่า นอกจากจะมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดแล้ว SGLT-2 inhibitors ยังมีฤทธิ์ขับโซเดียม ซึ่งสามารถปรับปรุงการเผาผลาญของกล้ามเนื้อหัวใจและการทำงานของไต รวมทั้งปรับปรุงการพยากรณ์โรคหัวใจล้มเหลวอีกด้วย ทีมวิจัยได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่าผู้ป่วยที่ใช้ SGLT-2 inhibitors