นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เห็นชอบให้เปิดพื้นที่นำร่อง รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสเพิ่มรวมเป็น 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กระบี่ (ทั้งจังหวัด) พังงา (ทั้งจังหวัด) ประจวบคีรีขันธ์ (ตำบลหัวหิน หนองแก) เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ) ชลบุรี (พัทยา อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) ระนอง (เกาะพยาม) เชียงใหม่ (อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) เลย (เชียงคาน) และบุรีรัมย์ (อ.เมือง) ซึ่งกำหนดเริ่มในวันที่ 1-30 พฤศจิกายนนี้ โดยเบื้องต้นกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะเร่งหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอจัดสรรวัคซีนนำไปฉีดให้กับจังหวัดเป้าหมายนำร้องเปิดรับต่างชาติต่างๆ ในระยะแรก ทั้ง 10 พื้นที่ ให้ได้ครอบคลุมประชากรในพื้นที่ 70% เพื่อจะได้ทันกำหนดเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแบบไม่กักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม: คลิกด่วน! คูปอง 5 เท่าใช้ได้ในวันที่ 8 ต.ค. "วิธีลงทะเบียน ขอบเขตการใช้งาน และมาตรการเพิ่มเติม" เรานำมารวมไว้ในที่เดียวให้ท่านแล้ว
ภูเก็ตและเกาะสมุยเปิดให้ท่องเที่ยวในเดือนตุลาคมนี้ ภาพดึงมาจาก/คลังภาพต๋าจื้อ (達志影像)
“เมื่อฉีดวัคซีนได้ตามเงื่อนไขหลักที่ 70% แล้วการกำหนดขอบเขตของการทำกิจกรรมต่างๆ ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ อาทิ การจำหน่าย หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในห้องอาหาร และร้านอาหาร เบื้องต้นจะเสนอให้สามารถทำได้หากพื้นที่นั้นๆ เป็นพื้นที่สีฟ้า ซึ่งพื้นที่ที่จะเปิดรับต่างชาติ ให้ท่องเที่ยวได้นั้น ก็เป็นพื้นที่สีฟ้าอยู่แล้ว จึงน่าจะทำได้ทั้งหมด” นายพิพัฒน์ กล่าว
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากที่ศบค. ได้เห็นชอบให้ลดวันกักกันสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ จากเดิม 14 วันเหลือ 7 วัน และปรับแผนให้พื้นที่นำร่องเดิมที่เป็นโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ และโครงการ 7+7 ซึ่งเดิมจะต้องรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ครบ 7 วัน ในภูเก็ตก่อน นับตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป จะปรับรูปแบบเป็น 4+3 วันก่อนในช่วงแรก หลังจากนั้นหากพื้นที่ใดมีความพร้อม และพื้นที่ทำเรื่องยืนยันเสนอเข้ามาแล้ว จะให้สามารถรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศตรงเข้าพื้นที่ได้ทันที ไม่ต้องรอให้ผ่านภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก่อนเหมือที่ผ่านมา ซึ่งจะเริ่มต้นที่ จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ และเพิ่มเติมคลองม่วง ทับแขก) จังหวัดพังงา (เขาหลัก เกาะยาว) เท่ากับพื้นที่นำร่องเหล่านี้จะเป็นรูปแบบเดียวกับภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ไม่ต้องถูกกักตัว และเมื่ออยู่ในพื้นที่ให้ครบ 7 วันแล้ว สามารถเดินทางไปเที่ยวในพื้นที่อื่นทั่วประเทศไทยได้ รวมถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า) หรือโครงการสมุย พลัส โมเดล ที่ศบค.อนุมัติให้ไม่ต้องกักตัว ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ จากเดิมที่ในกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องอยู่ในบริเวณโรงแรมช่วง 3 วันแรก และ 4 วันต่อมาถึงออกไปทั่วบริเวณเกาะสมุยได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม: กระทรวงศึกษาธิการประกาศ "แนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดในโรงเรียน" สั่งห้ามผู้ที่ป่วยไปทำงานหรือไปเรียนที่โรงเรียนเด็ดขาด
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้โดย "แสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน" เท่านั้น ภาพดึงมาจาก/เฟสบุ๊กการบินไทย
นางสาวชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การที่รัฐบาลลดการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 7 วัน และให้พื้นที่นำร่องของ จังหวัดกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ และเพิ่มเติมคลองม่วง ทับแขก) รับนักท่องเที่ยวตรงได้ทันทีนั้น อยากให้กำหนดชัดเจนว่า เอกชนจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะพื้นที่นำร่องของกระบี่มีความพร้อมทั้งหมดแล้ว ทำให้การประกาศลดวันกักตัวจะยิ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเดินทางได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น รวมถึงขณะนี้ถือเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่สำคัญในการเที่ยวทะเลกระบี่ เพราะในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ อุทยานจะเปิดเกาะต่างๆ และเปิดจุดดำน้ำทั้งหมด และการที่เดิมมีโครงการ 7+7 ที่กำหนดให้รับนักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ พบว่ามีฝนตกค่อนข้างมาก ทำให้นักท่องเที่ยวมาน้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้การรับต่างชาติโดยตรงจะเอื้อมากขึ้น และพร้อมรับนักท่องเที่ยวโดยตรง หากส่วนกลางอนุญาตให้รับที่สนามบินภูเก็ตได้อีกทาง