ไต้หวันลงทุนในประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ 7 ปีประสบความสำเร็จ ขึ้นเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ ได้เดินทางเข้าร่วม “การประชุมหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุนระหว่างไต้หวันกับกลุ่มประเทศอาเซียนและอินเดียประจำปี 2023” ระบุว่า ภายใต้กระแสการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้กลายเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับการลงทุนจากประเทศต่างๆ นับตั้งแต่ไต้หวันเปิดตัวนโยบายมุ่งใต้ใหม่ในปี 2016 เพื่อตอบรับกระแสและแนวโน้มระหว่างประเทศ ได้เริ่มดำเนินการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศอื่น ๆ ทำให้การลงทุนมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยยอดสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ การลงทุนในกลุ่มประเทศมุ่งใต้ใหม่ มีมูลค่า 2.126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าการลงทุนในจีนที่มีมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายกสมาคมการค้าต่างประเทศกล่าวว่า นักลงทุนจากไต้หวันได้กลายเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เป็นอันดับที่สองของไทยเมื่อปีที่แล้ว โดยเขาเชื่อว่าในปีนี้ จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของไทยได้ และส่งเสริมการลงทุนในประเทศเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวันจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับ 18 ประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและกลยุทธ์การทำงานแบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการวางรากฐานของอุตสาหกรรมต่างๆ

การลงทุนของอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ภาพ／จากเฟซบุ๊ก行政院經貿談判辦公室

อ่านข่าวเพิ่มเติม：รายงานการสำรวจสถานการณ์การท่องเที่ยวไต้หวันปีที่แล้ว คนไต้หวันจัดทริปเที่ยวในประเทศเฉลี่ย 8 ทริปต่อคน

กระทรวงเศรษฐการยังเผยอีกว่า นักธุรกิจชาวไต้หวันได้วางรากฐานธุรกิจในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลาช้านาน ปัจจุบันประเทศเวียดนาม มีการดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งเข้ามาลงทุนได้สำเร็จ จนกลายป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออก PCB สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม PCB และอินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตสิ่งทอและรองเท้ามากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อช่วยผู้ประกอบการให้สามารถเข้าไปลงทุนในประเทศเป้าหมายตามนโยบายมุ่งใต้ใหม่ได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น รัฐบาลไต้หวันได้สนับสนุนช่องทางในการติดต่อสอบถามข้อมูลและให้คำปรึกษาสำหรับอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น เครื่องจักร ยานพาหนะ และอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังได้มีลงนามในสนธิสัญญาการลงทุนทวิภาคีกับ ฟิลิปปินส์ อินเดีย และเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุน โดยจะเจรจาเพื่อร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ต่อไป