นางสาวสุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัยสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยในรายงาน SET Note ฉบับที่ 8/2567 ว่า มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ทั้ง SET และ mai เปรียบเทียบ ณ สิ้นปี 2566 และ ณ 20 มิถุนายน 2567 พบถือครองลดลง
เมื่อพิจารณาจากเปลี่ยนแปลงของมูลค่าการถือครองหุ้น ณ สิ้นปี 2566 และ ณ 20 มิถุนายน 2567 โดยจำแนกหลักทรัพย์ออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองทั้ง 2 จุดเวลา
2) หลักทรัพย์ที่ถูกเพิกถอนระหว่างช่วงเวลาที่ทำศึกษา
3) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกระหว่างช่วงที่ทำการศึกษา
4) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นจากหลักทรัพย์จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่
และ 5) หลักทรัพย์ที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองเพิ่มจากซื้อเพื่อถือครอง
พบว่า มูลค่าการถือครองหุ้นที่เปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มาจากหลักทรัพย์กลุ่มแรกที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหลักทรัพย์นั้นๆ ต่อเนื่องทั้ง 2 จุดเวลาที่ศึกษา ซึ่งหลักทรัพย์กลุ่มนี้มีมูลค่าถือครองหุ้นลดลง 3.87 แสนล้านบาทจากสิ้นปี 2566หากพิจารณาผลกระทบของราคาหุ้น (Price Effect) และจำนวนหุ้น (Volume Effect) ต่อ มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ /The Data School
หากพิจารณาผลกระทบของราคาหุ้น (Price Effect) และจำนวนหุ้น (Volume Effect) ต่อ มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (Foreign Holding Value) พบว่า 80% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น และอีก 20% เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นในการถือครอง อันเกิดจากกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเข้าจดทะเบียนซื้อขายของหลักทรัพย์ใหม่, กิจกรรมซื้อขายหลักทรัพย์, กิจกรรม Corporate Actions และการระดมทุนในตลาดรอง ตลอดจนการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เป็นต้น