[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ศูนย์บริการร่วมสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เมืองเถาหยวน จัดงาน “เวิร์คช็อปภาพยนตร์สำหรับแรงงานต่างชาติ ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2” สอนเพื่อน ๆ ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ให้รู้จักกับเทคนิคในการถ่ายทำภาพยนตร์ และการตัดต่อภาพยนตร์ และเป็นการเสนอแพลตฟอร์มที่ทำให้ พี่น้องผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้รวมตัวกันและบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง และนำเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ได้เรียนรู้ ไปถ่ายทำภาพยนตร์มาร่วมแบ่งปันความทรงจำของตัวเอง
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เมืองเจียอี้ทำหน้าที่เป็น "ล่าม" เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของเพื่อนพี่น้องสตรีที่มาจากประเทศเดียวกัน!
ภาพยนตร์ที่หลี่ลี่ (李莉) เป็นคนถ่ายทำ “บ้านโบราณของอาม่า” (《阿嬤的厝》) (ภาพ / จากศูนย์วัฒนธรรมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เมืองเถาหยวน)
ผู้เรียนใน “เวิร์คช็อปภาพยนตร์สำหรับแรงงานต่างชาติ ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ และผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2” ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ออกมาทั้งหมด 4 เรื่อง ในช่วงการเรียนตรงกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่มีการยกระดับการเฝ้าระวังโรคระบาดเป็นระดับ 3 พอดี ผู้เรียนต่างก็ดำเนินการถ่ายทำที่บ้าน โดยมีหัวข้อของภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับ “บ้าน” ในบรรดานั้นมีผลงานหนึ่งเรื่องเป็นภาพยนตร์ที่หลี่ลี่ (李莉) เป็นคนถ่ายทำ “บ้านโบราณของอาม่า” (《阿嬤的厝》) หลี่ลี่บอกกับ [เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ว่า เธอแต่งงานมาอยู่ไต้หวันกว่า 20 ปีแล้ว ก่อนที่จะมาไต้หวันฉันเป็นครูโรงเรียนอนุบาลอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ภายหลังแต่งงานกับสามีและมาเปิดร้านขนมทานเล่นกับสามี ในตอนแรกฉันก็ไม่ถนัดในการถ่ายคลิป หรือรูป ด้วยโทรศัพท์ ถ่ายออกมาก็ไม่ชัด เบลอ ๆ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมเวิร์คช็อปภาพยนตร์ในครั้งนี้ โดยหวังว่าจะได้เรียนรู้เทคนิคพื้นฐานเกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์จากคุณครูผู้สอน
โดยทุก ๆ ครั้งเวลาเรียน คุณครูก็จะมีอาการบ้านให้นักเรียนได้ฝึก โดยการถ่ายทำคลิปในหัวข้ออะไรก็ได้ เพื่อฝึกฝนทักษะความมั่นคงและความคุ้นชิ้นในการใช้โทรศัพท์ถ่าย ไม่ให้ภาพออกมาสั่น โดยท้ายที่สุด หลี่ลี่ก็ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “บ้านโบราณของอาม่า” (《阿嬤的厝》) ออกมาได้ประสบผลสำเร็จ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการบันทึกเหตุการณ์ของบ้านที่กำลังจะถูกเวนคืน หลี่ลี่ได้บันทึกความรู้สึกของแม่สามีที่มีต่อบ้าน และพื้นแผ่นดินที่อยู่ผ่านการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยหลี่ลี่ยังได้บอกกับ [เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] อีกว่า ในตอนแรกที่เริ่มถ่ายทำ แม่สามีจะรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเวลาอยู่หน้ากล้อง และมักจะถามเธอเสมอว่าถ่ายอะไร แต่พอได้ยินว่าเธอต้องทำการบ้านส่ง ก็เลยยอมให้เธอถ่ายทำได้ปกติ จนท้ายที่สุดสามารถถ่ายทำได้ออกมาเป็นธรรมชาติ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: รัฐบาลเมืองเถาหยวนได้เปิดตัว "โครงการมื้ออาหารแห่งความรัก" ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถสมัครได้ที่ศูนย์บริการครอบครัวผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่
หลี่ลี่ (คนแรกจากซ้าย) และคุณแม่สามีเข้าร่วมงานแสดงผลสัมฤทธิ์ (ภาพ / จากหลี่ลี่李莉)
ได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้การเรียนต้องเปลี่ยนเป็นเรียนแบบออนไลน์ หลี่ลี่คิดว่าถึงแม้ว่าจะทำให้ขาดโอกาสในการพบคุณครูและสอบถามคุณครูได้โดยตรง แต่ก็ยังสามารถถามคุณครูได้ผ่านทางโทรศัพท์ โดยในตอนที่หลี่ลี่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์สำเร็จแล้ว ก็ยังไม่ค่อยถนัดในการอัพโหลดเข้าระบบอินเตอร์เน็ตจนเจอปัญหาต่าง ๆ ก็โชคดีที่มีคุณครูคอยให้คำแนะนำจึงสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จ โดยประสบการณ์ในครั้งนี้หลี่ลี่ได้บอกกับ [เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ว่า เป็นการถือโอกาสฝึกทักษะคอมพิวเตอร์ไปในตัวด้วย
เพลงประกอบของภาพยนตร์เรื่อง “บ้านโบราณของอาม่า” (《阿嬤的厝》) หลี่ลี่ก็ได้ให้ลูกสาวเป่าขลุ่ยบรรเลงเพลง “มองไปยังลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (望春風) หลี่ลี่บอกว่า แม่สามีกลับไปถึงบ้านยังได้ให้ลูกสาวบรรเลงเพลงให้ฟังถึง 2 รอบพร้อมทั้งร้องคลอไปด้วย การนำเพลงนี้ไปใส่ในภาพยนตร์ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็ก ภายหลังจากการจบหลักสูตรการสอนในครั้งนี้ก็ถือเป็นการปลูกเมล็ดแห่งความสร้างสรรค์ให้แก่ผู้เรียน จากคนธรรมดาที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอไม่เป็น ไปสู่นักสร้างสรรค์ภาพยนตร์ ผู้กำกับ จนสามารถถ่ายทำภาพยนตร์ได้อย่างประสบความสำเร็จ หลี่ลี่รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก และก็ยังบอกอีกว่าแม่สามีมีความสุขมาก ความลำบากในการถ่ายทำภาพยนตร์ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่คุ้มจริง ๆ