วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับทุนจากภาครัฐเปิดให้ฉีด 2 ระยะ คือ ระยะแรกเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม และระยะที่ 2 เริ่มในวันที่ 15 พฤศจิกายน ผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคเรื้อรังที่มีความเสี่ยงสูงยกเว้นอายุ 50-64 ปี จะฉีดในระยะที่ 2 ส่วนกลุ่มที่เหลือฉีดในระยะที่ 1 แม้ว่าโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 จะมีความแตกต่างกัน แต่จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 24% นอกจากนี้ยังลดอัตราการรักษาในโรงพยาบาลและอัตราการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้มากกว่า 40%
อ่านข่าวเพิ่มเติม: 30,000 เหรียญไต้หวันต่อคน! กองทุนช่วยเหลือสำหรับ 8 อุตสาหกรรมหลักเปิดให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาแล้ว
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ยังสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายแรงได้ ภาพจาก/กรมควบคุมโรคระบาด
กรมควบคุมโรคระบาด (CDC) ระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉลี่ยแล้ว การป้องกันหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 80% การป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากไข้หวัดใหญ่มีประมาณ 41% และการป้องกันโรคร้ายแรงสามารถป้องกันได้ถึง 82.% หลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้ว การป้องกันจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี และต้องฉีดทุกปี นอกจากนี้หากท่านพึ่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาต้องเว้นระยะห่าง "อย่างน้อย 7 วัน" หากพวกเขาไม่มีสิทธิ์ฉีดโดยรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ แต่มีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีอยู่ในบ้าน อาจต้องฉีดวัคซีนด้วยค่าใช้จ่ายของตนเอง เพื่อปรับปรุงการป้องกันตนเองและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในกลุ่มครอบครัวและการเจ็บป่วยที่รุนแรงของผู้สูงอายุ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: เทศกาลภาพยนตร์คนหูหนวกนานาชาติไต้หวัน ประจำปี 2564 ภายใต้หัวข้อ "มองเห็นคุณแบบไม่มีระยะห่าง" เข้าฉายวันที่ 2 ตุลาคมนี้
ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อปรับปรุงการป้องกันตนเอง ภาพจาก/กรมควบคุมโรคระบาด
CDC ยังเตือนด้วยว่า ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลใกล้เคียงผ่านทางหน้าเว็บของสำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่น การป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ของ CDC หรือสายด่วนให้คำปรึกษาการป้องกันการแพร่ระบาด 1922 แล้วจึงโทรติดต่อนัดหมายกับโรงพยาบาล เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีน จะได้ประหยัดเวลาในการต่อแถว เมื่อไปฉีดวัคซีนควรนำบัตรประกันสุขภาพและเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้องมาด้วย (เช่น คู่มือสุขภาพเด็ก คู่มือสุขภาพมารดา ฯลฯ) อีกทั้งควรสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยปานกลาง และใช้มาตรการต่างๆ เช่น สุขอนามัยของมือด้วย