:::

ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.เป็นต้นไป ไต้หวันจะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร

ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ภาพ/โดย ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC)
ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ภาพ/โดย ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC)

[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามรายงานข่าวของ “Taiwan Today” เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC) แถลงว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ภายในประเทศทุเลาลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับศักยภาพทางการแพทย์ของไต้หวันเพียงพอต่อความต้องการของภาคประชาชน และได้มีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่รัฐบาลได้ทำการประเมินอย่างละเอียดแล้ว CECC เห็นว่า หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ยังคงถูกควบคุมไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร

อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม : โครงการมอบตัวด้วยตนเองสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไต้หวันเกินเวลาที่กำหนด ถึงวันที่ 30 มิ.ย ปีนี้

ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ภาพ/โดย ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC)

1. ภายในสถานที่ตามที่ระบุประชาชนยังคงต้องให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด (1) สถานพยาบาล อาทิ โรงพยาบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ ศูนย์สวัสดิการผู้สูงอายุ หน่วยงานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว บ้านพักสวัสดิการสำหรับทหารปลดเกษียณสูงอายุ หน่วยงานดูแลเด็กและเยาวชน และหน่วยงานสวัสดิการสำหรับผู้ทุพพลภาพ (2) ระบบขนส่งมวลชนและการโดยสารยานพาหนะบางประเภท อาทิ รถไฟ เรือโดยสารและอากาศยาน หรือภายในท่าอากาศยาน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความประสงค์ต้องการจะรับประทานอาหาร ถ่ายภาพ หรือเข้ารับการตรวจ รักษาหรือดำเนินกิจกรรมที่ไม่สามารถหรือไม่สะดวกต่อการสวมใส่หน้ากากอนามัย สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้ชั่วคราว

2. ภายใต้สถานการณ์ที่มีความจำเป็นต้อง ควรที่จะสวมหน้ากากอนามัยไว้อย่างเคร่งครัด (1) มีไข้หรือมีอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ(2) ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีความประสงค์ต้องการจะออกนอกเคหสถาน (3) สถานที่ที่มีผู้คนแออัดและไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคม หรือเข้าสู่สถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท (4) เมื่อต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (โดยเฉพาะผู้ที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบโดส)

3. สถานที่ในร่มและพื้นที่ภายในอาคารอื่นๆ ประชาชนสามารถตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยได้เองตามความสมัครใจ

4. มาตรการข้างต้นเป็นกฎระเบียบที่มีผลบังคับใช้ต่อภาคประชาชนส่วนรวม โดยรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต้องอ้างอิงตามกฎระเบียบของหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง

อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม : เทศกาลโคมไฟไต้หวัน 2023 การแสดงกว่า 53 รายการ จากรัฐบาล 12 เขต และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่

ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ภาพ/โดย ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC)

CECC ระบุว่า สำหรับสถานศึกษาทุกระดับชั้น โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็กหลังเลิกเรียน สถาบันสอนพิเศษและเนอสเซอรี่ ต้องอ้างอิงกฎระเบียบที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขฯ ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาในการสวมหน้ากากอนามัยภายในสถานศึกษาไปจนถึงวันที่ 6 มี.ค. นี้ หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ยังคงถูกควบคุมไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ จึงจะประกาศยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยตามข้อกำหนดของ CECC เป็นลำดับต่อไป

CECC ขอเตือนว่า ประชาชนยังคงต้องรักษาสุขอนามัยของมืออย่างเคร่งครัด และป้องปากและจมูกเมื่อมีการไอและจาม เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและผู้อื่น ตลอดจนเพื่อร่วมรักษาความปลอดภัยในชุมชนภายในประเทศ พร้อมนี้ ยังได้มีการเรียกร้องให้ประชาชนที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 เร่งเข้ารับวัคซีนโดยเร็ว เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและมิตรสหายรอบข้าง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

มาเป็นคนแรกที่แสดงความคิดเห็น

ข่าวเด่นประเด็นร้อน

:::
回到頁首icon
Loading