ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคไต้หวัน (CECC) ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนนี้จะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคให้แก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา(ตอนต้นและตอนปลาย) และนักเรียนอาชีวศึกษา(ปวช.และ ปวส.) ทั่วประเทศจำนวน 1.25 ล้านคน คาดว่าจะใช้เวลาฉีด 3 วัน โดยหลักการจะใช้วิธีจัดส่งเจ้าหน้าที่แพทย์-พยาบาลตระเวนไปฉีดให้ที่โรงเรียน นักเรียนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถลาได้ 3 วัน อีกทั้งผู้ปกครองสามารถยื่นขอลาเพื่อดูแลบุตรหลานและป้องกันการแพร่ระบาดได้หากพวกเขาต้องการ
อ่านข่าวเพิ่มเติม : เทศกาลไหว้พระจันทร์ใกล้เข้ามาแล้ว! รัฐบาลเมืองเถาหยวน ประกาศ " โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร " ปกป้องขนมไหว้พระจันทร์และเฉลิมฉลองเทศกาลด้วยกัน
กระทรวงแรงงานระบุว่าผู้ปกครองสามารถ "ลาเพื่อการป้องกันและดูแลโรคระบาด" ได้ ภาพจาก/กระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงานระบุว่าผู้ปกครองที่กล่าวถึงใน "การลาเพื่อดูแลบุตรหลานและป้องกันการแพร่ระบาด" หมายถึง พ่อแม่ พ่อแม่บุญธรรม ผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่นที่ดูแลเด็กจริงๆ (เช่น คุณปู่ ย่า ฯลฯ) ในระหว่างการลาหลังการฉีดวัคซีน หากผู้ปกครองมีความต้องการดูแลนักเรียนเป็นการส่วนตัว ผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งจะต้องยื่นขอลาเพื่อป้องกันโรค ถ้ามีความจำเป็นสามารถขยายเวลาการลาเนื่องจากฉีดวัคซีน อีกทั้งยังสามารถขยายเวลาลาเพื่อการดูแลป้องกันโรคระบาดได้อีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม : ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนามรุ่นที่ 2 "พานหลินเยี้ยน" ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ช่วยสืบพบแม่ค้า ที่ "ลักลอบนำเข้าขนมไหว้พระจันทร์" รายใหญ่สุดในไต้หวัน
"การลาเพื่อการป้องกันและดูแลโรคระบาด" สามารถขยายเวลาได้หากจำเป็น ภาพ/ดึงมาจาก《聯合報》
ทั้งนี้เด็กนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา (ตอนต้นและตอนปลาย) และนักเรียนอาชีวศึกษา(ปวช.และ ปวส.) ซึ่งอายุระหว่าง12-18 ปี ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองและตัวเด็กนักเรียนเองก่อน และหลังฉีดวัคซีนแล้วหากมีอาการไม่สบาย สามารถลาหยุดเนื่องจากรับการฉีดวัคซีนได้ และผู้ปกครองก็สามารถลาหยุดงานเพื่อดูแลบุตรที่ไม่สบายเพราะฉีดวัคซีนได้ด้วย