"ยินดีด้วยนะคะ! เป็นเด็กผู้หญิง (เด็กผู้ชาย) ที่แข็งแรง!" นี่เป็นคำอวยพรที่พ่อแม่รอคอยมานานนับสิบกว่าเดือน ที่แผนกสูตินารีเวช แต่เรื่องเพศไม่ได้มีเพียงลักษณะทางสรีรวิทยาว่าเป็นชายและหญิงเท่านั้น ตามโพสต์ในเฟสบุ๊กของนิตยสาร "Metropop" ฮ่องกงระบุว่า นอกเหนือจากเพศชายและหญิงแล้ว ประเทศไทยมีมากถึง 16 เพศด้วยกัน
ถ้าหากรวมเพศชายและเพศหญิงปกติเข้าไปแล้ว จะมีทั้งหมด 18 เพศ โดยเพศหญิงสามารถแบ่งออกเป็น 10 ประเภท ได้แก่ "ทอม" ที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้ชาย สำหรับผู้หญิงที่ชอบทอมเรียกว่า "ดี้" และ "ทอมเกย์ ทูเวย์" ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงเรียกว่า "เลสเบี้ยน" ทอมที่ชอบทอมและรับบทเป็นฝ่ายรุกเรียกว่า "ทอมเกย์ควีน" ส่วนทอมที่ชอบทอมและรับบทเป็นฝ่ายรับเรียกว่า "ทอมเกย์คิง" เป็นต้น
เพศไม่ได้มีเพียงผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น! ประเทศไทยสามารถแบ่งได้ถึง 18 เพศ／ภาพจาก เพสบุ๊กmetropop
สำหรับผู้ชาย สามารถแบ่งได้ 6 ประเภท ได้แก่ "เกย์ควีน" หมายถึง ผู้ชายที่ชอบผู้ชายและรับบทเป็นฝ่ายรับ "เกย์คิง" หมายถึง ผู้ชายที่ชอบผู้ชายและรับบทเป็นฝ่ายรุก "แองจี้" เป็นกระเทยที่ชอบทอม "กระเทย" คือ ผู้ชายที่อยากแปลงเพศเป็นผู้หญิง "อดัม" เป็นผู้ชายแท้ๆที่ชอบทอม และ "โบ๊ท" คือ ผู้ชายที่คบทั้งผู้หญิง ทั้งเกย์คิง เกย์ควีน รับบทได้ทั้งรับทั้งรุก แต่ไม่รับกระเทย
เพศไม่ได้มีเพียงผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น! ประเทศไทยสามารถแบ่งได้ถึง 18 เพศ／ภาพจาก เพสบุ๊กmetropop
ในปัจจุบันโดยทั่วไปมีการแบ่งเพศออกเป็น "เพศทางสรีรวิทยา" และ "เพศทางสังคม" สำหรับ "เพศทางสรีรวิทยา" หมายถึง เพศที่เกี่ยวข้องกับสรีระร่างกาย ส่วน "เพศทางสังคม" หมายถึง อัตลักษณ์ทางเพศที่แสดงในสังคม เช่นความแข็งแรงบึกบึนแสดงออกถึงความเป็นชาย ส่วนความอ่อนโยนแสดงออกถึงการเป็นผู้หญิง เพศทางสรีระไม่จำเป็นต้องเหมือนกันกับเพศทางสังคม เช่นเดียวกับผู้ชายที่เย็บผ้าเก่งและผู้หญิงชอบเล่นบาสเก็ตบอล
แม้ว่าในประเทศไทยจะมีเพศมากถึง 18 เพศ แต่เพศเหล่านี้ไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงการกล่าวเรียกกันในชีวิตประจำวันของผู้คนเท่านั้น เพศไม่ได้มีเพียง 2 เพศอย่างที่เราเคยรู้กัน หากแต่มีความแตกต่างกันมากมาย การที่เราได้มารู้จักเรื่องเพศต่างๆเหล่านี้ จะสามารถทำให้เรามีความเคารพซึ่งกันและกัน ในเวลาเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมความสามัคคีทางสังคมอีกด้วย
