[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ร่วมกับรายการ ‘สุขสันต์ภาคเหนือของไต้หวัน’ สถานีวิทยุเพื่อการศึกษาแห่งชาติไต้หวัน (National Education Radio) คอยรายงานเรื่องราวของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวัน ในตอน ‘บันทึกความทรงจำของหญิงสาวชาวมองโกเลียที่เคยอยู่ในประเทศที่อุณหภูมิ -40 องศา (ตอนที่ 1)’ (ออกอากาศทางสถานีวิทยุเพื่อการศึกษาแห่งชาติไต้หวัน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน)ได้เรียนเชิญผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวมองโกเลีย จินเอินสี่ (金恩喜) และสามีชาวไต้หวัน อู๋อิงเจ๋อ (吳英哲) มาแบ่งปันเรื่องราวความรักเหมือนดั่งละครของตัวเอง โดยมี หย่าอวี้ (亞鈺) และ อวี้สุ่ย (玉水) เป็นพิธีกรดำเนินรายการ “เมื่อเด็ก ๆ ทำงานบ้าน ฉันจะคอยชมพวกเขาว่าเก่งมาก ทำได้ดีมาก แม่รักหนูนะ” จินเอินสี่ พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสง่างาม และในการสั่งสอนลูก ๆ เธอยึดมั่นแนวคิดมีความอ่อนโยนแต่มีกรอบวินัย
[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ยังได้นำเรื่องราวของทางรายการมาจัดทำเป็นบทความ 5 ภาษา ได้แก่ จีน อังกฤษ เวียดนาม ไทย และอินโดฯ เพื่อให้ผู้อ่านและผู้ฟังเข้าใจเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในต่างประเทศของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มากขึ้น
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เนื่องจากงานของคริสตจักรเธอได้พบรักกับสามีชาวไต้หวันอู๋อิงเจ๋อที่เกาหลีใต้ ครั้งที่สองได้พบเจอกันที่จดทะเบียนสมรสในมองโกเลีย ถึงแม้ว่าจินเอินสี่อยากจะแต่งงานย้ายมาอยู่ที่ไต้หวัน แต่ในขณะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ละกระบวนการนั้นยุ่งยากและใช้เวลาเป็นอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ต่อสู้เพื่อความรักอย่างกล้าหาญ สุดท้ายสามารถจัดงานแต่งงานในไต้หวันได้สำเร็จ และช่วยกันเลี้ยงลูก 4 คนอย่างมีความสุข
ในรายการสัมภาษณ์ ทั้งคู่แบ่งปันเรื่องราวความรักที่เป็นเหมือนดั่งละครของตัวเอง ภาพ/ดึงมาจาก National Education Radio
ในระหว่างการสัมภาษณ์ ทั้งคู่ได้แบ่งปันเรื่องราวที่ตนเองพบเจอระหว่างตามหารัก และความแตกต่างทางด้านการศึกษาที่เกิดจากภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เมื่อนึกถึงงานของคริสตจักรที่ทำให้ทั้งสองมาเจอกันในครั้งนั้น อู๋อิงเจ๋อพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุขว่า “ผมกับภรรยาได้พบกันที่โบสถ์ มันพิเศษมาก ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราได้พบกัน” สมาชิกในคริสตจักรคอยสนับสนุนให้เขาเข้าร่วมในกิจกรรมตามหารักแท้ที่เรียกว่า “Blessing อวยพร” ในตอนที่เขาได้รับรูปของจินเอินสี่ เขายอมรับว่า ครั้งแรกที่เขาเห็นรูปของจินเอินสี่เธอสวยมากและรูปร่างหน้าตาของเธอดูเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีปัญญามาก
จินเอินสี่พูดอย่างเปิดเผยว่า “ครั้งแรกที่ฉันเห็นรูปถ่ายของเขา ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้แหละที่ฉันต้องการ” เธอรู้สึกว่าอู๋อิงเจ๋อเป็นคนมีการศึกษาและมีความคิดเป็นของตัวเอง อีกทั้งคิดว่าผู้ชายชาวไต้หวันน่าจะเป็นคนทำอาหารได้ ในขณะนั้น พิธีกรถามอย่างติดตลกด้วยน้ำเสียงที่เหมือนดูรายการสนุก ๆ ว่า “หลังจากนั้นหล่ะ พี่อู๋แกทำอาหารเป็นไหม”
อ่านข่าวเพิ่มเติม: โครงการสร้างฝันของสะใภ้ไต้หวันหลินยวี่เมิ่ง ทำให้อิสราเอลได้มองเห็นไต้หวัน
“ฉันก็ค่อย ๆ ฝึกไป ตอนแรกก็ทำม่ค่อยเป็น แต่เพื่อภรรยาสุดที่รักฉันต้องทำให้ได้” หวู่หยิงเจ๋อตอบอย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่อภรรยาจาก
ตอนนั้นยังเป็นยุคที่ใช้อีเมล หลังจากที่ทั้งคู่จับคู่กันได้สำเร็จ ทั้งสองก็คบกันเป็นเวลา 3 ปี ในช่วงนั้นติดต่อกันทางอีเมลตลอด หลังจากเขาไปเกณฑ์ทหาร 1 ปี อู๋อิงเจ๋อก็บินไปหาจินเอินสี่ที่เกาหลีใต้เป็นครั้งแรก “ครั้งที่สองที่เจอกัน เราก็จดทะเบียนสมรสแล้ว” อู๋อิงเจ๋อกล่าว ในเวลานี้ พิธีกรได้ส่งเสียงกรีดร้องเบา ๆ ราวกับว่าหญิงสาวที่กำลังคลั่งรัก
อู๋อิงเจ๋อบินลัดฟ้าเพื่อตามหารักถึงมองโกเลีย ภาพ/ดึงมาจาก National Education Radio
“เมื่อสิบปีที่แล้ว กฎหมายของไต้หวันกำหนดให้ต้องจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศก่อน ดังนั้นผมจึงทำเรื่องและเอกสารบางอย่างในไต้หวัน จากนั้นจึงเดินทางไปที่มองโกเลีย ตอนนั้นผมรอประมาณ 1-2 สัปดาห์” ในช่วงเดือนกันยายนขณะที่อากาศยังไม่หนาวเกินไป อู๋อิงเจ๋อได้บินลัดฟ้าไปทำวีซ่าให้ภรรยาที่มองโกเลียได้สำเร็จ เพื่อที่ทั้งสองจะได้มาตั้งรกรากในไต้หวันด้วยกันตามที่ปรารถนาเอาไว้
เมื่อจินเอินสี่มาถึงไต้หวัน เธอพูดภาษาจีนกลางไม่ได้ เธอทำได้เพียงใช้ภาษาอังกฤษอย่างง่ายในการสื่อสารกับผู้คนเท่านั้น แต่ความน่ารักและสุภาพของคนไต้หวันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากเมื่อต้องมาอาศัยอยู่ในต่างแดนเป็นครั้งแรก
อ่านข่าวเพิ่มเติม: จากเด็กดื้อสู่นิทรรศการภาพยนตร์นานาชาติ เหงียนทูหั่งทอดสะพานระหว่างไต้หวันและเวียดนามในการได้รู้จักกันอีกครั้ง
คู่สามีภรรยาที่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมีแนวความคิดทางด้านการศึกษาที่แตกต่างกันบ้าง จินเอินสี่เติบโตที่มองโกเลีย ค่อนข้างที่จะเป็นอิสระ และหวังว่าลูก ๆ ของตนจะเรียนรู้ที่จะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวชาวไต้หวันที่ค่อนข้างจะปกป้องลูก ๆ หลังจากมีการสื่อสารพูดคุยกัน อู๋อิงเจ๋อก็ยอม ตอนนี้ลูก ๆ ได้ทำงานบ้านตามตารางเวรของตัวเอง นี่ทำให้พิธีกรอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ว่า “เยี่ยมมาก”
พิธีกรในรายการ หย่าอวี้ (ซ้าย 1) และ อวี้สุ่ย (ขวา 1) ภาพ/ดึงมาจากNational Education Radio
ในท้ายที่สุด จินเอินสี่หวังว่าสามีของเธอจะอดทนให้มากกว่าเดิม ทำตัวให้เหมือนกับเด็ก ๆ ที่อยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา และฟังความคิดที่แตกต่างของเธอด้วย พิธีกรซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ยังกล่าวด้วยอารมณ์อีกว่า “เพราะภาษาของพวกเราไม่ได้ดีขนาดนั้น การที่เราจะพูดมุมมองหรือทัศนคติบางอย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพื่อให้คู่รักสามารถอยู่ร่วมกันได้ดี ฉะนั้นเราจะต้องทำเป็นเหมือนอยู่กับเพื่อน แบบนี้เราถึงจะเข้าใจกันมากขึ้น”
เนื้อหาการออกอากาศเพิ่มเติม ไปที่ National Education Radio