รถไฟฟ้า MRT กรุงไทเปบังคับผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกครั้งหลังผู้ป่วยโควิด-19 จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น (ภาพจาก wikipedia)
กรุงไทเปได้ยกระดับมาตรการเพื่อป้องกันไวรัสวิด-19 ขึ้นอีกครั้ง รวมไปถึงผู้ที่เดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งตลอดระยะเวลาการเดินทาง หลังผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
โดยตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. เป็นต้นมา นอกจากจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหากใช้บริการรถไฟฟ้า MRT การเดินทางไปยังศาลาว่าการกรุงไทเป สถานพยาบาล สถานศึกษา สถานที่สาธารณะ และงานกิจกรรมต่างๆ ก็จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับแรกของรัฐบาลกรุงไทเป
ผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยก็จะถูกปรับเป็นเงิน 15,000 เหรียญไต้หวัน ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นข้อบังคับสำหรับพื้นที่ที่มีผู้คนเป็นจำนวนมากหรือในอาคารซึ่งไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้
สำหรับสถานที่จัดงานอย่างเช่น Taipei Arena ก็จะมีการเข้มงวดในมาตรการควบคุมโรคระบาดมากขึ้น งานที่จัดในอาคารที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน หรือนอกอาคาร 500 คน จะไม่สามารถจัดขึ้นได้หากไม่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานสารนิเทศและการท่องเที่ยวและสำนักงานสาธารณสุขกรุงไทเป
และจะไม่อนุญาติให้มีแผงขายอาหารหรือการรับประทานในพื้นที่จัดงาน ผู้เข้าร่วมงานจะต้องยืนยันตัวตนโดยพบบัตรประชาชน ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้จัดงานจะต้องสังเกตุอาการตนเอง 2 สัปดาห์ก่อนที่งานนั้นๆ จะมีขึ้น
นอกเหนือจากการสวมใส่หน้ากากอนามัย การเดินทางเข้าไปในสถานพยาบาลจะต้องแสดงบัตรประกันสุขภาพหรือบัตรอื่นๆ เพื่อยืนยันตัวตนและให้เจ้าหน้าที่เก็บประวัติการเดินทางเข้าออก อาชีพ และวิธีการติดต่อ อีกทั้งจะมีการวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งขอให้ประชาชนงดการไปเยี่ยมผู้ป่วยหากไม่มีความจำเป็น
หลังจากที่จำนวนของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันยังได้ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเตือนประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะ 8 ประเภท ได้แก่ สถานพยาบาล สถานศึกษา สถานที่ทำกิจกรรมทางศาสนา ระบบขนส่งมวลชน สถานบันเทิง ตลาด และงานกิจกรรมขนาดใหญ่