ตามรายงานข่าวของ THE STANDARD หลังเปิดคาเฟ่แห่งแรกในเมืองไทยมาได้พักใหญ่ ถึงเวลา Café Kitsuné ขยับขยายลิสต์เครื่องดื่มไปสู่เนเชอรัลไวน์ (Natural Wine) ด้วยการเปิดไวน์บาร์ที่เอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยการคัดสรรเนเชอรัลไวน์จากทั่วทุกมุมโลก ที่ผ่านกระบวนการผลิตไวน์ตามธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมี มุ่งใช้ยีสต์ธรรมชาติ และไม่ปรุงแต่ง ตามรอย Café Kitsuné สาขาต่างๆ ในหัวมุมเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก ปารีส โตเกียว หรือโซล
อ่านข่าวเพิ่มเติม: ต้องระวัง! แรงงานต่างชาติจะ “ถูกเพิกถอน” ใบอนุญาตการจ้างงานหากฝ่าฝืนกฎระเบียบการป้องกัน “โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร”
Café Kitsuné คาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส-ญี่ปุ่นที่บินมาไกลจากปารีส เปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ภาพจาก/THE STANDARD
ใครที่เคยลิ้มลองเนเชอรัลไวน์มาก่อนจะรู้ดีว่ารสสัมผัสของไวน์ประเภทนี้ต่างจากไวน์ทั่วไป เพราะด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทำให้ไวน์แต่ละขวดนั้นมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว และให้ความรู้สึกที่ล้ำทั้งรูป รส กลิ่น สี โดยไวน์ 6 ตัวแรกที่ Café Kitsuné นำเสนอมาจากประเทศฝรั่งเศสและออสเตรีย มีทั้งสปาร์กลิงไวน์ ไวน์ขาว และไวน์แดง เริ่มจากสปาร์กลิงไวน์อย่าง Crémant du Jura (แก้วละ 360 บาท/ขวดละ 1,950 บาท) จากไร่องุ่นปลอดสารในแคว้น Jura ที่มอบความสดชื่นอมเปรี้ยว ให้ความรู้สึกถึงบ๊วยหอมๆ ส่วนไวน์ขาวมีให้เลือก 3 ตัว ได่แก่ François de Nicolay (แก้วละ 330 บาท/ขวดละ 1,750 บาท) ตัวนี้เป็นชาร์ดอนเนย์จากฝรั่งเศส ได้รสน้ำผึ้งและพีช นุ่ม ดื่มง่าย แต่สีอาจไม่ใสเหมือนไวน์ขาวท่ัวไป เนื่องจากไม่ผ่านการฟิลเตอร์ รสชาติที่ได้จึงใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด อีกตัวได้แก่ Riesling Vincent Fleith (แก้วละ 330 บาท/ขวดละ 1,750 บาท) ที่ใช้องุ่น Riesling ที่มีความหอมอบอวลด้วยดอกไม้ขาว รสออกไปทางดราย ไม่หวาน เหมาะกับการกินคู่กับอาหารไทย แต่ขวดที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดต้องยกให้ Intergalactic (แก้วละ 330 บาท/ขวดละ 1,750 บาท) ที่ได้มาจากออสเตรีย เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเนเชอรัลไวน์ที่มีความล้ำทั้งกลิ่นหอมๆ ของมะลิ และรสสัมผัสที่ออกไปทางเปรี้ยว
ในขณะที่ไวน์แดงสนุกตรงทางร้านได้คัดสรรไวน์ที่มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น เพื่อให้เข้ากับประวัติความเป็นมาของแบรนด์ มีให้เลือก 2 ตัว เริ่มจาก Wabi-Sabi (แก้วละ 310 บาท/ขวดละ 1,650 บาท) ไวน์ขวดนี้มาจากออสเตรีย มีรสที่ออกไปทางผลไม้ สมุนไพร และเอิร์ทตี้ และไวน์แดงจากฝรั่งเศสอย่าง Hanami (แก้วละ 330 บาท/ขวดละ 1,750 บาท) เน้นดื่มง่าย นุ่มลื่นคอ แต่มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์สูงตามแบบฉบับของเนเชอรัลไวน์
และอย่างที่บอกว่าเนเชอรัลไวน์ผลิตด้วยกระบวนการเพื่อความยั่งยืน ทำให้ไม่สามารถผลิตได้ในปริมาณมากเหมือนไร่ไวน์ทั่วไป ดังนั้นไวน์ลิสต์ของที่นี่ของอาจหมุนเปลี่ยนไปทุกเดือน ข้อดีคือมันทำให้คุณได้ลองไวน์ใหม่ๆ เป็นประจำ แต่ข้อเสียก็คือถ้าคุณถูกใจขวดไหนมากเป็นพิเศษ ต้องทำใจว่าไปเยือน Café Kitsuné ครั้งหน้าอาจต้องเปลี่ยนไปลองขวดอื่นๆ แทน แต่รับรองว่าน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม: โรคภัยไข้เจ็บไม่แบ่งคนรวยหรือจน แรงงานไทยที่มีสิทธิประกันสังคมรับการรักษาฟรี
Café Kitsuné เริ่มเสิร์ฟไวน์ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ยังเป็นที่เดิม ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
ขอบคุณข้อมูลจาก: THE STANDARD