เมื่อวานนี้ (10) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทยไต้หวันได้จัดงานสัมนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ณ มณฑลฮวาเหลี๋ยน นายเฉิน จงเหยี่ยน (陳宗彥) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางเสียว เหม่ยฉิน (蕭美琴) สมาชิกสภานิติบัญญัติ และนายเหลี๋ยง กั๋วหุย (梁國輝) รองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เดินทางมาร่วมงาน พร้อมพบปะพูดคุยกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่มณฑลฮวาเหลี๋ยนไถตงกว่า 150 คน ที่เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้
นายเฉิน จงเหยี่ยนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ โดยได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานรัฐบาล เช่น สภากิจการแผ่นดินใหญ่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณะสุขและสวัสดิการ กระทรวงแรงงาน และสำนักงานทะเบียนราษฎร เป็นต้น มาร่วมงาน เพื่อพูดคุยหารือ และตอบคำถามด้วย
สมาคมเพื่อการพัฒนาและแลกเปลี่ยนด้านมนุษยศาสตร์สำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่มณฑลฮวาเหลี๋ยนกล่าวว่า เราหวังว่าจสามารถช่วยเหลือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในการลบภาพลักษณ์ หรือการถูกระบุ อย่าคิดว่าเราคือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่หากพิจารณาในเรื่องของภาษาและการใช้ชีวิต เมื่อผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ได้บัตรประชาชน เลขที่บัตรประชาชนก็มีการแบ่งแยกอีก บุตรผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่เมื่ออยู่โรงเรียนก็ถูกระบุว่าเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่สอง ไม่สามารถหลีกหนีตัวตนที่ถูกคนอื่นระบุได้
ซึ่งประเด็นดังกล่าว สำนักงานทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทยตอบว่า เลขที่บัตรประชาชนนั้นเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติด้านการบริหารและไม่ได้ตั้งใจแยกความแตกต่างระหว่างผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่กับประชาชนทั่วไป และกระทรวงศึกษาธิการตอบในประเด็นนี้ว่า กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการศึกษาที่เท่าเทียมกันและการเรียนรู้ทำความเข้าใจภูมิหลังที่หลากหลายของนักเรียน เชื่อว่าความพยายามระยะยาวจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ในอนาคต
นอกจากนี้ นายเฉิน จงเหยี่ยนยังได้กล่าวในประเด็นนี้ว่า ในอดีต คนในสังคมมีการเลือกปฎิบัติกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากแนวความคิดของคนในสังคมมีการพัฒนาขึ้น ตนจึงหวังว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่จะมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอง บุตรผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถเรียนรู้ภาษาแม่กับพ่อแม่เพื่อเป็นข้อได้เปรียบทางภาษาของตนเอง และเชื่อว่าสังคมของไต้หวันจะมีความเปิดกว้างต่อกลุ่มชาติพันธุ์ สามารถสร้างอนาคตที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นกับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้มีผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มณฑลฮวาเหลี๋ยนและมณฑลไถตงมาร่วมงานกว่า 150 คน โดยหวังว่าจะได้รับฟังเสียง และข้อเสนอแนะของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และรัฐบาลสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคตเพื่อส่งเสริมกิจกรรมและนโยบายสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ รวมทั้งการบริการผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ดียิ่งขึ้น