เมื่อเร็ว ๆ นี้ ไต้หวันประสบกับการลดลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลัน โดยอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงเช้าลดลงถึง 7.1°C ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคหลอดเลือดสมองอย่างมาก ดร. หลิน เหวินเว่ย ผู้อำนวยการแผนกหัวใจของโรงพยาบาลไถอัน เตือนว่าอากาศเย็นจะกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังและโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงเช้าตรู่ จำเป็นต้องระมัดระวังและดูแลความอบอุ่นเป็นพิเศษ
ผู้ป่วยโรคเรื้อรังและโรคหัวใจและหลอดเลือดต้องรักษาความอบอุ่น (ภาพ / จาก Heho Health)
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่ออุณหภูมิลดลง 10°C อัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากอากาศหนาวจะเพิ่มขึ้นถึง 36% ภายใน 2 สัปดาห์ ดร. หลินชี้ให้เห็นว่า ฤดูหนาวเป็นช่วงที่โรคหัวใจเกิดขึ้นบ่อยที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยง ควรปฏิบัติตาม "5 ขั้นตอน" ในตอนเช้า: ช้า อุ่น ลุก ใส่ เดิน เริ่มต้นด้วยการขยับแขนขาหรือยืดเส้นยืดสายบนเตียง ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นก่อนลุกจากเตียงช้า ๆ และดื่มน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต การรักษาความอบอุ่นบริเวณศีรษะและเท้ามีความสำคัญอย่างยิ่ง แนะนำให้ใส่หมวก หน้ากาก ผ้าพันคอ และถุงเท้าเพื่อป้องกันการหดตัวและขยายตัวผิดปกติของหลอดเลือดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง
การปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิต
กลุ่มเสี่ยงสูงควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริมสมุนไพรหรืออาหารบำรุงมากเกินไป และควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงพร้อมกับน้ำอุ่น เพื่อป้องกันเลือดข้นและอาการท้องผูก รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกแรงกะทันหัน ความเครียด หรือการออกกำลังกายที่หนักเกินไป
อุณหภูมิต่ำสามารถกระตุ้นให้เส้นประสาทส่วนปลายหดตัว และทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น (ภาพ / จาก Heho Health)
หากมีอาการเช่นแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น หายใจลำบาก เวียนศีรษะ คลื่นไส้ เหงื่อออกเย็น หรือสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง (เช่น ยิ้มไม่ได้ ยกแขนไม่ได้ หรือพูดคำง่าย ๆ ไม่ได้) ควรรีบโทร 119 ทันที และบันทึกเวลาที่เริ่มมีอาการ การพบแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสรักษาในช่วงเวลาทอง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผู้ป่วยโรคเรื้อรังควรระวังเป็นพิเศษในช่วงอากาศหนาว ดูแลความอบอุ่น และป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
บทความนี้ได้รับอนุญาตจาก Heho Health
