[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามรายงานจาก “ทำเนียบรัฐบาลไทย” นายคารม กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้บุคคล 2 คน ไม่ว่าเพศใดสามารถทำการหมั้นและสมรสได้ แก้ไขคำว่า “ชาย” “หญิง” “สามี” “ภริยา” และ “สามีภริยา” เป็น “บุคคล” “ผู้หมั้น” “ผู้รับหมั้น” และ ”คู่สมรส” เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมคู่หมั้น หรือคู่สมรส ไม่ว่าจะมีเพศใด รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นมีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง“เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายให้การรับรองสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของคู่รักเพศเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีคู่รักเพศเดียวกันอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวจำนวนมาก โดยขาดเครื่องมือทางกฎหมายในการจัดการความสัมพันธ์ทางครอบครัว ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อครอบครัวหลากหลายทางเพศหลายประการ เช่น สิทธิในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาล สิทธิในการอุปการะเลี้ยงดูซึ่งกันและกัน สิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน และสิทธิในการรับมรดก ประกอบกับคำแถลงนโยบายของคณะรัญมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 66 ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภาว่า รัฐบาลจะผลักดันให้มีกฎหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ นายกรัฐมนตรีจึงมีข้อสั่งการ ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการเสนอร่าง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่)..)พ.ศ..... (สมรสเท่าเทียม) ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประเทศไทยทั้งในมิติด้านสังคมและการสร้างครอบครัว โดยจะทำให้เกิดการยอมรับในทางกฎหมายกับการสร้างครอบครัว การอยู่ร่วมกันของบุคคลมีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ของคู่สมรสเพศเดียวกันอีกทั้ง กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ในรูปแบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ law.go.th และระบบ google forms บนเว็บไซต์ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2566 - 14 พฤศจิกายน 2566 และได้รับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้แทนกลุ่มศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 และผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอ (Video Conference) ร่วมกับทุกภาคส่วนในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 4 ครั้ง ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ และรับฟังความเห็นในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 โดยมีผู้แทนภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม กลุ่มความหลากหลายทางเพศ และประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้แทนส่วนราชการวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 โดยส่วนใหญ่เห็นชอบในหลักการ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปดำเนินการจัดทำร่างกฎหมาย เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป” นายคารมกล่าวอ่านข่าวเพิ่มเติม : ภาครัฐและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “ต่อต้านการทุจริตเลือกตั้งทุกรูปแบบ”
ตามข้อมูลจาก “กระทรวงคมนาคม” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารชาวอินเดีย และไต้หวันตามนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลว่า ตามที่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ไม่เกิน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566-10 พฤษภาคม 2567 (ระยะเวลา 6 เดือน) ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวของชาวอินเดียและไต้หวัน เพื่ออำนวยความสะดวก และสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในช่วงปี 2566-2567ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือในการเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด ตั้งแต่เดินทางเข้าสู่ประเทศตลอดจนถึงการเดินทางกลับออกจากประเทศไทย อีกทั้งได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงหาแนวทางการดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอื่นๆ พร้อมทั้งให้ประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้กระบวนการทุกขั้นตอนมีความสะดวกรวดเร็ว ไม่ให้ผู้โดยสารเกิดความแออัด หรือใช้เวลานานหลังจากลงจากเครื่องบินขณะเดียวกัน ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วม (Single Command Center) เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานร่วมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในทุกขั้นตอนในท่าอากาศยาน ทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามการให้บริการ และกวดขันการบริหารการจราจรบริเวณหน้าท่าไม่ให้เกิดความแออัดหนาแน่น และเก็บบันทึกข้อมูลการให้บริการ ภาพถ่ายกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ประกอบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นอ่านข่าวเพิ่มเติม:ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จตามข้อมูลจาก “กระทรวงคมนาคม”นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมการในด้านต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางในประเทศไทย ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานในภูมิภาค การเตรียมความพร้อมการเดินทางภายในกรุงเทพมหานคร (กทม.) การเตรียมความพร้อมการเดินทางไปต่างจังหวัดทางรถไฟและรถโดยสาร การเตรียมความพร้อมการเดินทางในต่างจังหวัด และการเตรียมความพร้อมสำหรับความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำอีกทั้งให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย สะอาดสวยงาม พนักงานให้บริการด้วยมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และมีอัตราค่าบริการที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าบริหารจัดการทุกขั้นตอนการบริการที่เป็นประตูสู่ประเทศไทย พร้อมรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประตูและเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภูมิภาค กระตุ้นการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของประเทศสำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยนั้น จากข้อมูลกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม–5 พฤศจิกายน 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนทั้งสิ้น 557,554 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 79,651 คน โดยนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด จำนวน 73,297 คน รองลงมา ได้แก่ จีน จำนวน 67,443 คน, รัสเซีย จำนวน 39,136 คน, อินเดีย จำนวน 30,547 คน และเกาหลีใต้ จำนวน 30,255 คน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 22,622,522 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 954,239 ล้านบาท
ตามข้อมูลจาก“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เปิดโครงการ “STGs เที่ยว 4 ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา” ดึง “เจมส์ จิรายุ” พรีเซ็นเตอร์ชวนเที่ยวไทยแบบ 4 ดี สิ่งแวดล้อมดี-วัฒนธรรมดี-เศรษฐกิจดี-ชีวิตดี พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม Catch the Butterflies ลุ้นรับ VOUCHER โรงแรม ที่พักจากผู้ประกอบการ STAR ฟรี! และของรางวัลต่าง ๆ กว่า 1,000 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท ดีเดย์ปล่อย QR Code ผีเสื้อ STGs ในวันที่ 11-19 พ.ย. นี้ พร้อมกันผ่าน Facebook : Amazing Thailand และป้ายโฆษณา LED กว่า 2,000 จอทั่วประเทศนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกประสบวิกฤตปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการสร้างมลภาวะและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเองก็มีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบดังกล่าว ททท.จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน โดยได้พัฒนาเป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือSustainable Tourism Goals: STGs17 ประการ ต่อยอดจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations) โดยได้ดำเนินโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) เพื่อส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้นำ 17 เป้าหมายของ STGs ซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ในระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย มิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเร่งยกระดับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ ททท.จึงได้จัดโครงการ“STGs เที่ยว 4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง STGsสร้างเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์สู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมมุ่งสู่ Smart Tourismพร้อมกระตุ้นให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตื่นตัวในการเข้าร่วมโครงการ STAR โดยกำหนดเป้าหมายให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการ ฯ กว่า 80% ภายในปี 2568ททท. จะมุ่งสื่อสารโครงการ “STGs เที่ยว 4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา” แบบบูรณาการ 360 องศา เพื่อสร้างกระแสในวงกว้าง ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่สื่อโทรทัศน์-วิทยุ สื่อ Out of Home กว่า 2,000 จอ ในพื้นที่ Prime Area ทั่วประเทศ อาทิ7-ELEVEN จอ Panoramix หน้าเซ็นทรัลเวิลด์สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ จำนวน 104 จอ จอดิจิตอลครอบคลุมพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย กว่า 250 จอ สนามบินดอนเมือง 90 จอ สนามบินสุวรรณภูมิ 250 จอ และสนามบินภายในประเทศ 5 แห่ง 127 จอ รวมทั้งนำเสนอการเดินทางสร้างประสบการณ์ Meaningful Experience แบบ STGs ผ่านInfluencer, KOL, Youtuberโดยคาดว่าตลอดโครงการจะสามารถสร้างการรับรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว่า 60 ล้านคน-ครั้งอ่านข่าวเพิ่มเติม:ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ในโอกาสเดียวกันนี้ ททท. ยังได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด“STGs เที่ยว4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา”นำแสดงโดย“เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข”ตัวแทนของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่จะมาชวนคนไทยทุกคนออกไปเที่ยวเมืองไทยแบบ 4 ดี ได้แก่สิ่งแวดล้อมดี :Dท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบบ Low Carbon ลดการสร้างขยะ และทำกิจกรรมที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ผู้ประกอบการชุมชนใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ย่อยสลายง่าย เพื่อให้เกิด zero wasteวัฒนธรรมดี :Dเคารพวิถีชุมชนร่วมงานประเพณีท้องถิ่น อวดอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชนให้คงอยู่ต่อไป ผู้ประกอบการชุมชนนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มได้เศรษฐกิจดี :Dสนับสนุนสินค้าและบริการในท้องถิ่น เที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้ไปยังชุมชนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ผู้ประกอบการชุมชนนำของดีท้องถิ่นเป็นจุดขาย มาทำให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่กระจุกชีวิตดี :Dท่องเที่ยวอย่างเข้าใจชุมชนและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยเติมเต็มความสุขและยังช่วยดูแลโลกใบนี้ให้สวยงามต่อไป ผู้ประกอบการดูแลบริการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี เต็มไปด้วยรอยยิ้ม :Dรวมทั้งยังได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวไทยเลือกใช้บริการจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่ผ่านมาตรฐาน STGs จากโครงการ STAR ได้แก่ 1) กิจกรรม“CATCH THE STGs BUTTERFLIES”เพียง SCAN QR Code ผีเสื้อ STGs ลุ้นรับ VOUCHER จากผู้ประกอบการ STAR ฟรี! พร้อมรับส่วนลดและของที่ระลึกจาก ททท.อีกมากมายกว่า 1,000 รางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2 ล้านบาท โดยจะปล่อย QR Code ผีเสื้อ พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11-19 พ.ย. นี้ ผ่าน Facebook : Amazing Thailand และป้ายโฆษณา LED กว่า 2,000 จอทั่วประเทศ 2) กิจกรรมประกวดครีเอท VDO Clip ชวนเที่ยวไทยแบบยั่งยืน ในหัวข้อ “เที่ยวแบบ STGs ดีต่อเรา ดีต่อโลก”ทาง TikTok/Reels พร้อมติด hashtag #นักท่องเที่ยว STGs คลิปที่โดนใจ ลุ้นรับเลย VOUCHER จากผู้ประกอบการ STAR ฟรี!ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ FaceBook Fanpage: “Amazing Thailand” หรือร่วมอุดหนุนผู้ประกอบการ STAR ได้ที่www.tatstar.org