ล่าสุด “ต้มยำกุ้ง” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยองค์การยูเนสโก นับเป็นมรดกชิ้นที่ 4 ของประเทศไทย ต่อจาก โขน นวดไทย โนรา และประเพณีสงกรานต์ ต้มยำกุ้งถือเป็นเมนูที่มีคุณค่าในแง่โภชนาการและสรรพคุณทางยา
สมุนไพรในต้มยำกุ้ง เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริก มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ขับลม ลดการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน ส่วนกุ้งทะเลเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและให้ไอโอดีน แต่ควรระวังสำหรับผู้แพ้อาหารทะเลต้มยำกุ้งเป็นมรดกชิ้นที่สี่ของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ต่อจากสามมรดกก่อนหน้านี้
สำหรับโภชนาการ ต้มยำกุ้ง 1 ถ้วยขนาดพอเหมาะ ให้พลังงาน 270 แคลอรี หากเป็นน้ำข้นอาจเพิ่มพลังงานจากกะทิ ผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดควรเลือกแบบน้ำใสแทน ทั้งนี้ การเตรียมวัตถุดิบควรล้างอย่างสะอาด เพื่อลดสารตกค้างจากการเกษตร
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ย้ำว่า ต้มยำกุ้งเป็นตัวอย่างของ “อาหารเป็นยา” ที่สะท้อนภูมิปัญญาไทย ช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ดีเมื่อบริโภคอย่างเหมาะสมและควบคู่กับการออกกำลังกาย