【เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่】ตามรายงานข่าวของ "4-Way News" รายงานว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และลูกหลานของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในไต้หวันเกินหนึ่งล้านคนแล้ว พวกเขาถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนไต้หวัน เมื่อไม่นานมานี้ "ร้านอาหารอินโดฯ ของคุณเฉินลี่ลี่ (陳莉莉)" ที่ตั้งอยู่บนถนนอู่ฝู ในเกาสง ได้รับการรับรองฮาลาลระดับ "MR" ซึ่งร้านอาหารที่ได้รับการรับรองนี้ อาหารทุกอย่างในร้านจะต้องเป็นไปตามศีลของศาสนาอิสลาม เช่น อาหารทุกอย่างจะต้องปราศจากเนื้อหมู หากมีการฆ่าสัตว์จะต้องเอ่ยชื่อของอัลลอฮ์ก่อน อีกทั้งเจ้าของร้านจะต้องนับถือศาสนาอิสลามด้วย หลังจากปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ถึงจะมีโอกาสได้รับ "ใบรับรองฮาลาล"
อ่านข่าวเพิ่มเติม: 30,000 เหรียญไต้หวันต่อคน! กองทุนช่วยเหลือสำหรับ 8 อุตสาหกรรมหลักเปิดให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาแล้ว
เจ้าของร้านคุณเฉินลี่ลี่ ในปี 2001 เขาทำงานเป็นผู้อนุบาลดูแลคู่สามีภรรยาสูงอายุที่นั่งติดรถเข็น คุณปู่ที่เขาดูแลนั้นชอบกินหมูมาก แต่ชาวมุสลิมไม่สามารถทำอาหารที่ประกอบด้วยหมูได้ ในช่วงเวลานั้นเธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
ในปี 2006 เขาได้แต่งงานกับชาวไต้หวัน ช่วงนั้นเพื่อนพี่น้องชาวมุสลิมของเธอต่างบ่นกับเธอว่า คิดถึงรสชาติอาหารบ้านเกิด ในขณะนั้นเธอได้เกิดไอเดียที่จะทำอาหารกล่อง ขายให้พี่น้องชาวมุสลิมที่เป็นผู้อนุบาลที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลหรือสถานดูแลผู้สูงอายุได้รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ต่อมาเธอได้เริ่มเข้าร่วมการประกวดการทำอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอได้รับรางวัลมากมาย อย่างเช่นในปี 2013 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในงาน ''ที่สุดของอาหารต่างประเทศ ประจำปี 2013 เมืองเกาสง'' (2013高雄市異國美食拼第一) และในปี 2015 เขาและเพื่อนในทีมได้ทำเมนูข้าวขมิ้น และสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวด ''อาหารต่างประเทศของฉันดีที่สุด'' (異國美食我最棒) ได้
ในปี 2017 เขาได้เปิดร้านอาหารบนถนนอู่ฝู ในเมืองเกาสง บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความอบอุ่น และเขายังรับใบรับรองฮาลาล จากสมาคมอิสลามไต้หวันด้วย (ภาพจาก／4-Way News)
อ่านข่าวเพิ่มเติม: เทศกาลภาพยนตร์คนหูหนวกนานาชาติไต้หวัน ประจำปี 2564 ภายใต้หัวข้อ "มองเห็นคุณแบบไม่มีระยะห่าง" เข้าฉายวันที่ 2 ตุลาคมนี้
ต่อมาในปี 2017 เขาได้เปิดร้านอาหารบนถนนอู่ฝู ในเมืองเกาสง บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความอบอุ่น และเขายังรับใบรับรองฮาลาล จากสมาคมอิสลามไต้หวันด้วย หลังจากเปิดร้านอาหารได้ไม่นาน ทีมสื่อมาเลเซียก็ได้มาขอสัมภาษณ์เธอ อีกทั้งชาวไต้หวันหลายคนที่ได้มารับประทานอาหารที่นี่ต่างก็บอกว่าอร่อย ปัจจุบันแม้ว่าเฉินลี่ลี่จะไม่ได้อยู่ดูแลที่ร้านแล้ว แต่ทางร้านยังคงใช้ชื่อ "เฉินลี่ลี่" โดยหวังว่าจะสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในการรับประทานอาหารสำหรับทุกคนที่มาทาน และช่วยให้พี่น้องชาวมุสลิมมีที่ทานอาหารอย่างสบายใจ
