กระทรวงคมนาคมของฝรั่งเศษประกาศเมื่อวันอังคาร (9 ก.ค. )ที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป การจองตั๋วเครื่องบินในฝรั่งเศษจะถูกเรียกเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม (green tax) เพื่อนำเงินไปใช้กับโครงการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป
สำนักข่าว AP รายงานว่า ภาษีสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจะอยู่ระหว่าง 1.5-18 ยูโร (ประมาณ 52-630 เหรียญไต้หวัน) โดยจะเรียกเก็บในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเที่ยวบินที่ออกเดินทางจากฝรั่งเศษ ยกเว้น เที่ยวบินที่เปลี่ยนเครื่องที่ฝรั่งเศษ เที่ยวบินที่บินไปเกาะคอร์ซิกา และดินแดนฝรั่งเศสในต่างประเทศ รวมทั้งเที่ยวบินจากประเทศอื่นที่บินมายังฝรั่งเศษ
แม้ว่านักสิ่งแวดล้อมจะเห็นด้วยกับมาตรการใหม่นี้ แต่ก็ไม่ได้พึงพอใจทั้งหมด พวกเขาเชื่อว่าอุตสาหกรรมการบินจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กลุ่มการขนส่งและสิ่งแวดล้อมในบรัสเซลส์เชื่อว่า ภาษีสิ่งแวดล้อมที่รวมอยู่ในตั๋วเครื่องบินจะไม่ได้ผลมากนัก แต่อย่างน้อยรัฐบาลฝรั่งเศสได้ตระหนักถึงความไม่เพียงพอของระบบการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
กระทรวงคมนาคมฝรั่งเศษประกาศว่า เที่ยวบินภายในประเทศและในกลุ่มสหภาพยุโรปชั้นประหยัดจะถูกเรียดเก็บภาษี 1.5 ยูโร และ 9 ยูโร สำหรับชั้นธุรกิจ หากต้องการบินออกนอกสหภาพยุโรปจะถูกเรียกเก็บภาษี 18 ยูโร
สำหรับภาษีผู้โดยสารของอังกฤษอยู่ระหว่าง 13 - 172 ปอนด์ (ประมาณ 494-6536 เหรียญไต้หวัน) ซึ่งในแต่ละปีสามารถทำรายได้ให้อังกฤษถึง 3 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 1.14 พันล้านเหรียญไต้หวัน)
ฝรั่งเศษจะเริ่มใช้มาตการภาษีดังกล่าวตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให่ฝรั่งเศษถึง 180 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 630 ล้านเหรียญไต้หวัน) โดยเงินที่ได้จะถูกใช้เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมถึงการก่อสร้างทางรถไฟด้วย
สำหรับประเทศยุโรปอื่นๆ เช่น เยอรมัน สวีเดน และอิตาลี ได้มีการใช้มาตรการเก็บภาษีการเดินทางด้วยเครื่องยินไปก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม สายการบินส่วนใหญ่คัดค้านการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล พวกเค้ากล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องของการขับเครื่องบินขึ่นลงจอดเท่านั้น ส่วนสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เชื่อว่า การชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนของเครื่องบินเป็นวิธีที่ดีกว่า