การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในไต้หวันมีประสิทธิภาพ สื่อไทยขอสัมภาษณ์ทีมแพทย์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรงพยาบาลอี้ต้า

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นครอบคลุมไปทั่วโลก ไต้หวันตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดที่สุด เช่น จีนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและดึงดูดความสนใจจากสื่อต่างประเทศ Hfocus สื่อของประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่รายงานเกี่ยวกับระบบการรักษาพยาบาลและนโยบายด้านสุขภาพ ได้รับการแนะนำผ่านสภาพัฒนาการค้าต่างประเทศของไต้หวันเพื่อสัมภาษณ์ทีมแพทย์เพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรงพยาบาลอี้ต้า (義大醫院) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ โดยหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคของไต้หวัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้กำหนดนโยบายสุขภาพและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของไทย

ในระหว่างการสัมภาษณ์ ทีมงานโรงพยาบาลอี้ต้าแบ่งปันประสบการณ์การป้องกันการแพร่ระบาดของไต้หวัน ประกอบไปด้วยนายแพทย์เหลี๋ยง เจิ้งหลง (梁正隆) ผู้อำนวยการแผนกกิจการต่างประเทศ นายแพทย์หลิ๋น จุ้นหน๋ง (林俊農) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล นายแพทย์หวง จุ้นไข่ (黃俊凱) ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมการติดเชื้อ นายแพทย์ทัง เต้าเชียน (湯道謙) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ระหว่างประเทศ และทีมแพทย์นานาชาติ

นายแพทย์ทัง เต้าเชียนกล่าวว่า มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของไต้หวัน ได้คำนึงถึงบทเรียนของการเผชิญกับโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome) ที่เกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว รัฐบาลไต้หวันได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อไต้หวันอย่างรวดเร็วในช่วงต้นของการแพร่ระบาดเพื่อรวมพลังของพลเรือนและรัฐบาลในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค และทำให้แน่ใจว่ามีการกระจายทรัพยากรทางการแพทย์อย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งลดความตื่นตระหนกของประชาชน โรงพยาบาลยังมีบทบาทสำคัญในระบบการป้องกันการแพร่ระบาดทั้งหมด โดยใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดหลายอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในโรงพยาบาล ปกป้องสุขภาพของผู้ป่วย สมาชิกในครอบครัว และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล

นายแพทย์หวง จุ้นไข่กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินการติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงที่ต้องกันกันโรคที่บ้านหรือกักกันแยกโดยใช้อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ มีการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในชุมชนและใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลการประกันสุขภาพของไต้หวันเพื่อให้โรงพยาบาลสามารถเข้าใจประวัติการเดินทางและผู้ติดต่อใกล้ชิดได้อย่างรวดเร็ว เป็นการลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่การแพทย์ในระดับแนวหน้าที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์หวง จุ้นไข่เน้าย้ำว่า การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่มีประสิทธิภาพในครั้งนี้ต้องขอบคุณรัฐบาลและโรงพยาบาลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน