เมื่อถึงฤดูเปิดเทอม การระบาดของเชื้อไวรัสลำไส้ยังคงเพิ่มขึ้น และกลายเป็นความกังวลอันดับหนึ่งของผู้ปกครอง กุมารแพทย์เตือนว่าหากเด็กเล็กที่บ้านมีอาการเช่น มีไข้ แผลในลำคอ หรือมีตุ่มพองที่มือ เท้า และก้น ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าติดเชื้อไวรัสลำไส้หรือไม่
เด็กชายอายุ 3 ขวบที่ชื่อวู เริ่มเข้าเรียนอนุบาลได้เพียงสองสัปดาห์ก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลด้วยไข้สูง 39.5 องศาเซลเซียส หลังจากตรวจพบว่า มีตุ่มพองที่มือและเท้า และมีแผลในลำคอด้านหลัง แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมือ เท้า ปาก ที่เกิดจากไวรัสลำไส้ เนื่องจากอาการเจ็บในช่องปากทำให้กินอาหารได้ยาก แพทย์จึงตัดสินใจรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล โชคดีที่หลังจากการรักษาหลายวัน อาการของเขาค่อยๆ ดีขึ้นและได้ออกจากโรงพยาบาลในที่สุด
หลังจากติดเชื้อไวรัสลำไส้ ผู้ป่วยมักจะมีอาการหลักสามอย่าง ได้แก่ ไข้ แผลในลำคอ และตุ่มพองที่มือ เท้า และก้น แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ภายใน 4-14 วัน แต่ในบางราย โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อาจพัฒนาเป็นอาการรุนแรง เช่น สมองอักเสบ อัมพาตเฉียบพลัน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หลังติดเชื้อไวรัสเอนเทอโร ผู้ป่วยมักจะแสดงอาการหลัก 3 อย่าง ได้แก่ มีไข้ แผลในลำคอ และตุ่มน้ำใสที่มือ เท้า และก้น (ภาพ / จาก freepik)
ในบรรดาไวรัสลำไส้ EV-A71 เป็นสายพันธุ์ที่มีโอกาสเกิดอาการรุนแรงมากที่สุด แพทย์ ลิน ซูโอ ลิน ได้กล่าวว่า อาการเตือนของโรครุนแรงมีดังนี้ ง่วงซึม ไม่รู้สึกตัว อ่อนแรง แขนขาอ่อนแรง หายใจและหัวใจเต้นเร็ว อาเจียนอย่างต่อเนื่อง หรือมีอาการตกใจกลัวหรือกระตุก หากพบอาการเหล่านี้ ควรนำเด็กไปพบแพทย์ทันที
การป้องกันไวรัสลำไส้ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี รวมถึงการล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากหลีกเลี่ยงการอยู่รวมกันในที่คนเยอะ และทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้มีวัคซีนป้องกัน EV-A71 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 96.8% สามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ แพทย์แนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ปกครองที่มีลูกอายุ 2 เดือนถึง 6 ปี ควรพาไปฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส EV-A71 เพื่อปกป้องสุขภาพของลูกๆ
