มูลนิธิสวัสดิการเด็กไต้หวัน (Child Welfare League Foundation) เปิดเผยรายงาน “ผลสำรวจความปลอดภัยและความรู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กไต้หวันประจำปี 2023 ” พบว่า เด็กไต้หวันนอกจากการใช้โทรศัพท์เข้าเรียนหรือทำการบ้านแล้ว เด็กๆ ยังใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 4.6 ชั่วโมง รวมแล้วสูงถึง 32.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์นี้น่ากลัวมาก และเด็ก 1 ใน 5 คนต้องเจอคือกลุ่มมิจฉาชีพ อีกทั้งมีเด็กอย่างน้อย 30% คิดว่าการแชทกับคนแปลกหน้าบนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่สนุกสนาน ทำให้พวกเขามีความระมัดระวังต่อคนแปลกหน้าต่ำกว่าเดิมหลายเท่า
อ่านข่าวเพิ่มเติม : สิ่งที่ต้องรู้สำหรับการใช้งานบัตรผ่านรายเดือน TPASS ใช้รถไฟไต้หวันข้ามเขตจะถูกเรียกเก็บเงินเต็มจำนวน
มูลนิธิสวัสดิการเด็กไต้หวัน เปิดเผยรายงาน “ผลสำรวจความปลอดภัยและความรู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กไต้หวันประจำปี 2023 ” ภาพ／โดย Child Welfare League Foundation
จากการสำรวจพบว่า มีเด็กถูกโกงเงิน สถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุดคือ “ซื้อสินค้าออนไลน์ ได้มาไม่ตรงปก” “ถูกหลอกให้กรอกข้อมูลหรือทำธุรกรรมบนเว็บไซต์ปลอม” และ “ได้รับสินค้าที่แตกต่างจากของที่สั่งซื้อออนไลน์โดยสิ้นเชิง” นอกจากนี้พบว่า เด็กหลายคนเคยเจอคำขอพิเศษจากเพื่อนบนโลกออนไลน์ ซึ่งคำขอที่พบบ่อยที่สุดคือ “ขอเป็นแฟน” “ขอวิดีโอคอล” “ขอนัดออกมาเจอกันตามลำพัง” เป็นต้น ด้านการหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล มีเด็กให้ “บัญชี IG หรือ LINE ส่วนตัว” ของตัวเองด้วย เมื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายให้ข้อมูลส่วนบุคคลมากกว่านักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ให้เห็นว่าความตระหนักรู้ในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กไม่ได้เพิ่มขึ้นตามอายุของพวกเขา
อ่านข่าวเพิ่มเติม : เตือนชาวต่างชาติ ก่อนออกนอกประเทศต้องไปแจ้งยกเลิกใช้รถหรือโอนรถให้เรียบร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ
มูลนิธิสวัสดิการเด็กไต้หวัน เปิดเผยรายงาน “ผลสำรวจความปลอดภัยและความรู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กไต้หวันประจำปี 2023 ” ภาพ／โดย Child Welfare League Foundation
โฆษกมูลนิธิสวัสดิการเด็กไต้หวัน แนะนำให้ภาครัฐจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อดูแลความปลอดภัยในการใช้อินเทอรเน็ตของเด็ก เพิ่มกำลังคนและงบประมาณ เรียนรู้จากคณะกรรมการความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งสหราชอาณาจักร โดยสร้างกลไกเพื่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ภาคธุรกิจและหน่วยงานที่ 3 เพื่อดูแลความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กอย่างครอบคลุม ทั้งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโรงเรียนจะสามารถเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และความรู้ในการเผชิญปัญหาผ่านการสอนตามกรณีตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังได้รับคำแนะนำให้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้ “แบบทดสอบความรู้เท่าทันอินเทอร์เน็ตสำหรับเด็ก” ที่จัดทำโดยมูลนิธิสวัสดิการเด็กไต้หวัน ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้ปกครองในการประเมินว่าบุตรหลานของตนเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่
