เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนและอุณหภูมิสูงขึ้น ผู้ปกครองหลายคนให้ลูกกินผลไม้เพื่อลดความร้อน แม้ว่าผลไม้จะมีประโยชน์และอุดมไปด้วยสารอาหารขนาดเล็ก แต่ไม่แนะนำให้กินมากเกินไปเพื่อสมดุลอาหาร นี่คือข้อควรระวังในการกินผลไม้สำหรับเด็ก
ปริมาณผลไม้ที่เด็กควรรับประทาน
ใช้กำปั้นวัดปริมาณ กรมอนามัยแนะนำให้เด็กอายุ 1-6 ปี กินผลไม้วันละ 2 ส่วน เด็กอายุ 7-12 ปี กิน 2-3.5 ส่วนต่อวันตามความต้องการพลังงานต่อวัน "หนึ่งส่วนผลไม้" ประมาณเท่ากับกำปั้นของผู้หญิงหรือถ้วยเล็ก เมื่อเตรียมผลไม้ให้เด็กต้องคำนึงถึงปริมาณ
หนึ่งลูกหนึ่งส่วน:
- แอปเปิ้ลเล็ก, ส้มเขียวหวาน, ฝรั่ง, ลูกแพร์, ลูกท้อ, พลัมแคลิฟอร์เนีย
หลายลูกหนึ่งส่วน:
เลือกผลไม้ตามฤดูกาลลดการใช้สารเคมี. (ภาพ/ที่มา: Flicker)
- กีวี 1.5 ลูก, เสาวรส 2 ลูก, พุทรา 2 ลูก, เชอร์รี่ 13 ลูก, องุ่น 13 ลูก, มะเขือเทศเชอร์รี่ 23 ลูก
หนึ่งลูกหลายส่วน:
- กล้วยครึ่งลูก/น้อยหน่าครึ่งลูก, มะละกอ 1/3 ลูก, แคนตาลูป 1/4 ลูก, สับปะรด 1/10 ลูก
เลือกผลไม้ตามฤดูกาลที่หลากหลาย
การเลือกผลไม้ตามฤดูกาลลดการใช้สารเคมีและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เช่น ผลไม้ที่มีมากในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ได้แก่ กล้วย สับปะรด มะเฟือง มะม่วง ชมพู่ มะยม แตงโม การเลือกผลไม้ตามฤดูกาลไม่เพียงแต่ให้รสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่ดีที่สุด แต่ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
ควรส่งเสริมให้เด็กกินผลไม้ทั้งผลในรูปแบบดั้งเดิม. (ภาพ/ที่มา: Pexels)
ผลไม้ทั้งผลแทนน้ำผลไม้
ควรส่งเสริมให้เด็กกินผลไม้ทั้งผลเพื่อให้ได้รับใยอาหารและความอิ่ม น้ำผลไม้แม้ว่ามาจากธรรมชาติแต่ขาดใยอาหาร ทำให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไปในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ฟันผุและอ้วนได้
ปัญหาทางโภชนาการจากการกินผลไม้มากเกินไปในเด็ก
ผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสมไม่มีปัญหา แต่การกินมากเกินไปเป็นเวลานานอาจทำให้อ้วนและฟันผุได้ และถ้ากินผลไม้มากเกินไปจนลดปริมาณอาหารมื้อหลักจะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ดังนั้นผู้ปกครองควรให้เด็กกิน "สามผักสองผลไม้" ต่อวันเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี