ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวเวียดนามทำฟาร์มเกษตรที่ผิงตง สังสมประสบการณ์การปลูกสับปะรดจนชำนาญ

หร่วน ซื่อเจิ้ง (阮氏政) แต่งงานและย้ายจากเวียดนามมาอยู่ไต้หวันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เนื่องจากสามีประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถทำงานได้ เธอจึงต้องดูแลสวนสับปะรดเพียงคนเดียว จากที่เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสับปะรดจนกลายเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องของสับปะรด ซึ่งนอกจากการปลูกสับปะรด เธอยังทำชาสับปะรดและสับปะรดอบแห้งขาย เป็นเสาหลักหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว

เนื่องจาก หร่วน ซื่อเจิ้งเป็นลูกคนที่ 9 เธอจึงตั้งชื่อฟาร์มของตนเองว่า “ฟาร์มอา 9” (阿九農場) นอกจากจะขายสับปะรดสด เธอยังทำชาสับปะรดและสับปะรดอบแห้งขายด้วยซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

จริงๆ แล้ว ที่บ้านเกิดของหร่วน ซื่อเจิ้งในเวียดนามก็ทำการเกษตรเช่นกัน เธอกล่าวว่า บ้านเกิดของเธอปลูกข้าวและมะพร้าวเป็นจำนวนมาก ไม่ได้ปลูกสับปะรด อีกทั้งสับปะรดที่นั้นไม่อร่อยเหมือนของไต้หวัน หลังจากแต่งงานมาอยู่ไต้หวันถึงได้รู้บ้านของสามีปลูกสับปะรดกว่า 4 เฮกตาร์ หรือประมาณ 25 ไร่ ครั้งแรกที่ปลูกสับปะรดไม่มีประสบการณ์เลย ไม่ใส่ปุ๋ยมากเกินไปก็น้อยเกินไป ทำให้การปลูกครั้งแรก สับปะรดโตเติบโตไม่สมบูรณ์มากนัก

แต่งานด้านเกษตรกรรมของเธอไม่เคยล้มเหลว หลังจากศึกษาอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเพาะต้นกล้า ใส่ปุ๋ย เก็บเกี่ยวผลผลิต ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่นอีกต่อไป จนตอนนี้ทำมากว่า 20 ปีแล้ว เนื่องจากระยะเวลาการเจริญเติบโตของสับปะรดคือ 15 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.หลังจากนั้นเธอก็ได้ปลูกเผือกและมะนาว สับปะรดที่เธอปลูกมีรสชาติที่หวานกรอบน่าทาน

หร่วน ซื่อเจิ้งกล่าวว่าตอบปลูกสับปะรดแรกๆ เธอกับสามีช่วยกันปลูก แต่หลังจากสามีประสบอุบัติเหตุ ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว แต่ในช่วงวันหยุดลูกของเธอที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็จะมาช่วยงานด้วย

หร่วน ซื่อเจิ้งกล่าวว่า “ฟาร์มอา 9” เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความสนุกในการเก็บสับปะรดด้วย แม้ว่าจะทำงานอย่างหนัก แต่ไต้หวันก็ได้กลายเป็นบ้านของเธอไปแล้ว การทำงานหนักเพื่อปลูกสับปะรดคุณภาพดีขายในราคาที่เหมาะสม และดูแลครอบครัวให้ดีเป็นเป้าหมายในชีวิตของเธอ