นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงแผนการกระจายทรัพยากรลงไปยังพื้นที่เพื่อควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) 1.4 ล้านชุด หน้ากาก N95 จำนวน 2.4 ชิ้น และหน้ากากทางการแพทย์ 43 ล้านชิ้น นอกจากนี้ ยังพบว่ามีจำนวนโรงงานผลิตหน้ากากเพิ่มจาก 9 แห่ง เป็น 45 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 3.4 ล้านชิ้น ถือว่าเพียงพอสำหรับบุคลากรการแพทย์และประชาชนทั่วไป
สำหรับยารักษาโรคขณะนี้มีฟาวิพิราเวียร์ 590,000 เม็ด แม้ยาล็อตนี้จะหมดอายุประมาณ เม.ย. 2564 แต่ยังไม่จำเป็นต้องสั่งเข้ามาเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตยานี้เพิ่มมากขึ้น จากที่มีแค่ประเทศญี่ปุ่นและจีน ได้มีผู้ผลิตจากอินเดีย หลายบริษัท ซึ่งขณะนี้ อย.ได้ขึ้นทะเบียนให้นำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทย 2 บริษัท เพราะฉะนั้นถ้าสั่งไปแล้วก็สามารถส่งยาเข้ามาได้ภายใน 1 สัปดาห์ แม้ไทยจะใช้ฟาวิพิราเวียร์เป็นหลัก แต่ก็มียาเรมเดซิเวียร์ มีอยู่ในสต็อกด้วยอีก 400 หลอด ทั้งนี้ ทั้งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ ที่เตรียมไว้ยืนยันเพียงพอสำหรับรองรับกรณีระบาดมากกว่า 2-3 เท่า
ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกันโควิดในไทย คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด และบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม เตรียมเอกสารให้พร้อม หากสามารถทดลองในมนุษย์ได้แล้วจะได้ไม่ล่าช้า ขณะที่ความคืบหน้าวัคซีนทั่วโลก โดยเฉพาะแอสตร้าเซเนก้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ที่ชะลอการวิจัยเพราะเกิดปัญหาการทดลองในมนุษย์เฟส 3 ผู้ได้รับวัคซีนเป็นอัมพาตนั้น ทราบว่าขณะนี้กลับมาเดินหน้าทดลองต่อแล้ว
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์