[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามข้อมูลจาก“ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” ระบุว่า ปลาทิลาเพีย สามารถแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน และหนังปลาซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตก็สามารถแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวที่มีสารคอลลาเจนให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. เล็งเห็นถึงศักยภาพของไทยในการผลิตและส่งออกสินค้ากลุ่มปลาทิลาเพีย (Tilapia) และผลิตภัณฑ์ ซึ่งปลาทิลาเพียเป็นปลาน้ำจืดที่เลี้ยงง่ายและโตเร็ว ตัวอย่างปลาทิลาเพียที่เป็นที่รู้จักและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ ปลานิล และปลาทับทิม โดยเฉพาะปลานิล ซึ่งประเทศไทยมีผลผลิตปลานิลมากกว่า 2 แสนตันต่อปี แต่ส่วนใหญ่จะใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก จึงเป็นโอกาสของไทยในการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม:โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย
ตามข้อมูลจาก “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” จากการติดตามสถานการณ์การค้าปลาทิลาเพียของโลก ในปี 2565 ในตลาดโลกโลกนำเข้าปลาทิลาเพียเป็นมูลค่า 1,651.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้นำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อิสราเอล โกตดิวัวร์ และแคนาดาตามลำดับ โดย 5 ประเทศรวมกัน มีการนำเข้าถึงร้อยละ 75 ของมูลค่าการนำเข้าของทั้งโลก โดย สินค้าปลาทิลาเพียที่โลกนิยมนำเข้าสูงสุด ได้แก่ เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลแช่แข็ง ปลาทิลาเพียทั้งตัวแช่แข็ง เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลสดหรือแช่เย็น และปลาทิลาเพียทั้งตัวสดหรือแช่เย็น ตามลำดับ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะปลาทับทิม สินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุด คือ ปลาทับทิมทั้งตัวสดหรือแช่เย็น และ ปลาทับทิมมีชีวิต โดยมี มาเลเซีย เป็น ตลาดส่งออกสำคัญ
อ่านข่าวเพิ่มเติม:อย.ไต้หวัน เผยสินค้าไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย พบบะหมี่สำเร็จรูปเวียดนามปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง!