กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคโควิด-19 กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโคโรนา 2019 เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ผลจากการลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR พบว่า บุคคลในครอบครัว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 คน ได้แก่ ภรรยา ลูก 2 คน น้องภรรยา พ่อตา แม่ยายผลตรวจทั้ง 2 ครั้ง ผลเป็นลบ และทั้งหมดอยู่จนครบกำหนดการกักกันและเฝ้าระวัง 14 วันแล้ว ,ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด มีผู้สัมผัส 143 คน, ที่ศาลอาญา มีผู้สัมผัส 492 คน ,โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัส 6 คน ,ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ผู้สัมผัส 121 คน ซึ่งพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่ม 1 คน ที่ถูกประกันตัวออกไป แต่สามารถติดตามได้แล้ว นัดเก็บตัวอย่างตรวจวันที่ 16 กันยายนนี้ ,เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีผู้สัมผัส 8 คน ,ร้านอาหารพระราม 3 พบผู้สัมผัส 38 คน ,ร้านอาหารพระราม 5 มีผู้สัมผัส 60 คน ,ร้านอาหารที่ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส 15 คน ,ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัสเป็นพนักงานร้านอาหารและร้านค้า 112 คน ,สถานศึกษาในจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้สัมผัส 3 คน และห้างสรรพสินค้าย่านสุขสวัสดิ์ พบว่า จากกล้องวงจรปิด ไม่พบทะเบียนรถของผู้ป่วยในสถานที่และเวลาดังกล่าว
สรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 1,004 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 120 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 884 คน ส่งตรวจ 570 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ และหลายคนครบกำหนดเฝ้าระวัง 14 วันแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ สำหรับสถานศึกษา ถึงแม้ผู้ปกครองที่ติดเชื้อไปส่งเด็ก แต่ไม่ได้เข้าไปพื้นที่ด้านในโรงเรียน คนในโรงเรียนจึงไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงและโอกาสได้รับเชื้อต่ำมาก เนื่องจากไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ปกครองที่ติดเชื้อโดยตรงและสวมหน้ากากขณะที่ไปส่งเด็กนักเรียน จึงมีครูกับผู้ที่ทำการคัดกรองหน้าโรงเรียนเพียง 3 คนเท่านั้นที่จัดอยู่กลุ่มเสี่ยงต่ำ อีกทั้งผู้ปกครองไปโรงเรียนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2563 ซึ่งเกิน 2 สัปดาห์แล้ว และจากการคัดกรองของโรงเรียนก็ไม่พบว่ามีครู หรือนักเรียนป่วยแต่อย่างใด
ข้อมูลข่าวจาก กรมประชาสัมพันธ์