วันนี้ (23 มีนาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เสนอ ‘ต้มยำกุ้ง’ ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ พร้อมเห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารที่จะเสนอต่อ UNESCO ในฐานะตัวแทนประเทศไทย
สำหรับสาระสำคัญของการนำเสนอต้มยำกุ้งภายใต้ชื่อ Tomyum Kung ต่อ UNESCO มีดังนี้ คือ ด้านคุณค่าและความสำคัญ ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเกษตรกรรมริมแม่น้ำลำคลองในภาคกลางของไทย ที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารผ่านการสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติ โดยนำกุ้งที่มีมากมายในท้องถิ่นมาต้มในน้ำเดือดที่มีสมุนไพรทั้งข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และมะนาว ซึ่งนิยมปลูกไว้กินเองในครอบครัว ต้มยำกุ้งจึงสะท้อนถึงความเรียบง่ายและวิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติ พึ่งพาตนเอง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ต้มยำกุ้งมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติตามที่นิยามไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ดังนี้ คือ
- ด้านธรรมเนียมและการแสดงออกทางมุขปาฐะ โดยแต่เดิมเป็นการสืบทอดในครัวเรือนจากรุ่นสู่รุ่นแบบปากเปล่า ไม่มีประวัติหรือบันทึกตำรับเป็นลายลักษณ์อักษรที่ตายตัว นอกจากนี้ยังเป็นการเรียกชื่ออาหารที่เป็นคำโดดหรือคำมูล 3 คำ คือ ต้ม ยำ และกุ้ง มาประสมกันให้เกิดเป็นความหมายใหม่
- ด้านการปฏิบัติทางสังคมและพิธีกรรม เนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยพุทธที่เป็นชาวนาชาวสวนในลุ่มแม่น้ำภาคกลางที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งมักจะงดเว้นการฆ่าสัตว์ใหญ่เป็นอาหาร โดยเฉพาะช่วงวันพระหรือวันเข้าพรรษา ดังนั้นกุ้งแม่น้ำ ซึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์และลอยขึ้นมาให้จับง่ายๆ ในบางฤดูกาล จึงเหมาะใช้ทำอาหาร นอกจากนี้ยังสะท้อนเรื่องวัฒนธรรมการบริโภคของคนไทย โดยมีข้าว เป็นอาหารหลัก รับประทานร่วมกับกับข้าว โดยคนในครอบครัวจะล้อมวงรับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน กินข้าวหม้อเดียวกัน กินแกงหม้อเดียวกัน ซึ่งแสดงถึงความผูกพันใกล้ชิดกันในครอบครัว
- ด้านความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล ซึ่งต้มยำกุ้งถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะมีไขมันต่ำ และมีสรรพคุณจากเครื่องสมุนไพรช่วยบำรุงร่างกาย ปรับธาตุให้สมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลปลายฝนต้นหนาว จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการหวัดได้ และช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นช่วงฤดูที่กุ้งมีชุกชุมในธรรมชาติ จึงสะท้อนถึงภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนเรื่องการรับประทานอาหารตามฤดูกาลและเรื่องวงจรชีวิตของกุ้งแม่น้ำด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา UNESCO ได้ประกาศให้โขนและนวดไทยขึ้นทะเบียนเป็นรายการที่เป็นตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติใน พ.ศ. 2561 และ 2562 ตามลำดับ โดยขณะนี้โนราห์และสงกรานต์ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของ UNESCO สำหรับการเป็นตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ