ตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” รัฐบาลเร่งพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เดินหน้าต่อยอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น Quick Win อำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Travelling) แก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งขยายเวลาทำการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงไฮซีซั่นส่งท้ายปี 2566 นี้นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า การเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง จะช่วยเพิ่มการรองรับเที่ยวบินเส้นทางระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าและออกประเทศไทยหลังเที่ยงคืน ส่งผลให้สายการบินระหว่างประเทศพิจารณาเพิ่มตารางการบินและเที่ยวบินสู่ประเทศไทย อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว (Ease of Travelling) เพิ่มศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะใกล้และระยะไกล ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ให้สามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกมากขึ้นในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ยังเป็นศูนย์กลางในการกระจายการท่องเที่ยวออกไปยังจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือ ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอีกด้วยทั้งนี้ ทอท. จะเปิดให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป จากเดิมที่เปิดให้บริการ 18 ชั่วโมงต่อวัน หรือตั้งแต่เวลา 06.00 - 24.00 น. เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ปลายปี 2566 โดยเพื่อเป็นการประกาศให้บริการ 24 ชั่วโมงของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้บริหารของ ทอท.และผู้ร่วมกิจกรรม ได้ร่วมกันแจกของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสารสายการบินไทยเวียตเจ็ท เที่ยวบินที่ VZ 822 เส้นทาง เชียงใหม่ - โอซาก้า กำหนดออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เวลา 00.30 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 (คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2566) เดินทางถึงท่าอากาศยานคันไซ (โอซาก้า) เวลา 07.50 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ด้วย โดย ทอท. จะเตรียมความพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่ และระบบคมนาคมขนส่ง รวมทั้งจัดสรรพื้นที่ภายในท่าอากาศยานฯ แก่วิสาหกิจชุมชน เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นแก่นักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึง ตลอดจนประสานงานร่วมกับสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาจัดตารางการบินให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ พร้อมกำหนดมาตรการดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วยมาตรการดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการปลดล็อคข้อจำกัดด้านเวลาของการเดินทางทางอากาศของเส้นทางการบินระหว่างประเทศ สะท้อนศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะใกล้และระยะไกล โดยคาดการณ์ว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศและผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ร้อยละ 30 ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่รองรับจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศรวม 150 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 21,537 คนต่อวัน จากเส้นทางระหว่างประเทศ 18 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศ 12 เส้นทาง โดยมีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศ ได้แก่ ไทเป, อินชอน, คุนหมิง, ปักกิ่ง, ฮ่องกง คาดว่าในเดือนเมษายนจะเพิ่มเส้นทางบินตรง ได้แก่ มุมไบและนิวเดลี รวมถึงมีขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปี และอยู่ขั้นตอนการศึกษาและออกแบบโครงการพัฒนา ระยะที่ 1 เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคนต่อปีอ่านข่าวเพิ่มเติม: ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่แซวกันสนั่นโซเชียล ! ป้ายสีแดงหน้าร้านค้า อีกหนึ่งเรื่องตลกๆ ในไต้หวันอ่านข่าวเพิ่มเติม: สถาบันวิจัยกล้วยไต้หวัน ผลักดันการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากกล้วยดิบ เพื่อเพิ่มมูลค่า
[เว็บไซต์ข่าวรอบโลกสำหรับผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่] ตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. เปิดเผยว่า ททท. เตรียมดำเนินการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวภูมิภาคภาคเหนือ โดยบูรณาการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของภาคเหนือ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวภาคเหนือที่ผสมผสานระหว่างเสน่ห์วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia) และความร่วมสมัย (Modern Lanna) ผ่าน Northern Thailand Soft Power ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ภายใต้ 3 ทิศทางหลัก ได้แก่ 1. Amazing Northern Lifestyle ขยายฐานตลาดและเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคุณภาพ ผ่านเทรนด์ของการดื่มชา กาแฟ และโกโก้ กิจกรรม Retreat ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสงบและผ่อนคลายอย่างแท้จริง รวมถึงเสน่ห์ของงาน Modern Art & Craft ที่นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ผสมผสานเข้ากับความทันสมัย 2. Amazing Northern Festival กระตุ้นความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อขยายฤดูกาลท่องเที่ยว ผ่านความเชื่อ ความศรัทธา และสายมู และ 3. Amazing Northern Mueang Rong กระตุ้นการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เมืองรอง ด้วยการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ (Story Telling) ผสมผสานอัตลักษณ์ของวัฒนธรรม เมืองเก่า-ย่านเก่า วิถีชีวิต อาหารถิ่น สินค้า GI และกิจกรรมท่องเที่ยวที่สามารถทำประโยชน์ต่อสังคมนางสาวภัทรอนงค์ กล่าวว่า ภูมิภาคภาคเหนือนั้นมีความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในทุกฤดูกาล รวมทั้งตลอดปีนี้ ททท. ยังได้เตรียมนำเสนอกิจกรรมและงานเทศกาลประเพณีเพื่อเติมความน่าสนใจน่าการเดินทางเยือนภาคเหนือแต่ละฤดูอีกมากมาย ได้แก่กิจกรรมฤดูหนาว เช่น เทศกาลลอยกระทงเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่, ลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย, ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน จังหวัดลำปาง, ลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก, ลอยกระทงจุดผางประทีปตีนก๋า ปูจาแม่ก๋าเผือก จังหวัดแพร่ กิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 จังหวัดเชียงราย, Balloon Festival Huppatat 2023 จังหวัดอุทัยธานี, งานเทศกาลหุ่นโคมไฟนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงกิจกรรมเคาน์ดาวน์ปีใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจกิจกรรมฤดูฝน เช่น Pai Jazz and Blues Fest 2024 จังหวัดแม่ฮ่องสอน, ลำปางย้อนรอยลำปางพาแม่นั่งรถม้าแอ่วเวียงละกอน จังหวัดลำปาง, ประเพณีสลากภัตรหรือสลากย้อม จังหวัดลำพูน, ดอยช้างเทรล จังหวัดเชียงราย, กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก, กิจกรรมเวียนเทียนตะคัน เมืองโบราณสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย, มหกรรมอาหารพื้นบ้าน เทศกาลกินก๋วยเตี๋ยว เที่ยวเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร, งานประเพณีแข่งขันเรือยาว จังหวัดพิจิตรและกิจกรรมฤดูร้อน เช่น Chiang Mai Crafts Week 2024 จังหวัดเชียงใหม่, Amazing Chiang Mai Pride 2024 จังหวัดเชียงใหม่, งานประเพณีเวียนเทียนทางน้ำ กลางกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา, งานประเพณี หกเป็งไหว้สาพระมหาธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน, งานมหกรรมทุเรียนหลง - หลิน ลับแล ของดีของเด่นจังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์, เทศกาลพายเรือเที่ยวป่า ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืด จังหวัดเพชรบูรณ์, เทศกาลวันวานอุทัยธานี จังหวัดอุทยธานี นอกจากนี้ ตลอดปี 2567 ภูมิภาคภาคเหนือยังภูมิใจนำเสนอกิจกรรม 356 day coffee ที่จะชวนทุกคนไปดื่มด่ำกับกาแฟซิกเนเจอร์ของภาคเหนืออีกด้วยโดย ททท. คาดหวังว่ากิจกรรมส่งเสริมการเดินทางที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ จะช่วยผลักดันให้มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางมาท่องเที่ยวภาคเหนือในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน-ครั้ง (เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปีที่ผ่านมา) และเกิดรายได้จากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 186,000 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีที่ผ่านมา)อ่านข่าวเพิ่มเติม:ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ททท. ภูมิภาคภาคเหนือ เลือกจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือ ประจำปี 2567 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจังหวัดเพชรบูรณ์ยังขอนำเสนอแคมเปญ “เที่ยวเพชรบูรณ์ต้อง 678” ที่แนะนำจังหวัดเพชรบูรณ์ในหลากหลายแง่มุม ผ่าน 6 ของที่ระลึกต้องซื้อ 7 เมนูอาหารต้องชิม และ 8 แหล่งท่องเที่ยวต้องไป เพื่อสร้างการรับรู้ในฐานะเมืองที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีทางจังหวัดเพชรบูรณ์ยังมีนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะด้านรายได้จากการท่องเที่ยวและมูลค่าจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชน และของฝากของที่ระลึก ตลอดจนพัฒนาปัจจัยแวดล้อมให้การนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดเป็นสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวให้มีทักษะและองค์ความรู้ในธุรกิจการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการตลาดด้วยการนำเสนอเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น และการให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว อีกทั้ง สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งได้รับการบรรจุขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 7 ของประเทศไทย ก่อให้เกิดกระแสการเดินทางมาเที่ยวชมมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในอนาคตจังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนโครงการที่จะผลักดันให้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอารยธรรมทับซ้อนกันถึง 3 อารยธรรม อายุเก่าแก่ราวเกือบ 2,000 ปี ด้วย
ตามข้อมูลจาก“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เปิดโครงการ “STGs เที่ยว 4 ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา” ดึง “เจมส์ จิรายุ” พรีเซ็นเตอร์ชวนเที่ยวไทยแบบ 4 ดี สิ่งแวดล้อมดี-วัฒนธรรมดี-เศรษฐกิจดี-ชีวิตดี พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม Catch the Butterflies ลุ้นรับ VOUCHER โรงแรม ที่พักจากผู้ประกอบการ STAR ฟรี! และของรางวัลต่าง ๆ กว่า 1,000 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท ดีเดย์ปล่อย QR Code ผีเสื้อ STGs ในวันที่ 11-19 พ.ย. นี้ พร้อมกันผ่าน Facebook : Amazing Thailand และป้ายโฆษณา LED กว่า 2,000 จอทั่วประเทศนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกประสบวิกฤตปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการสร้างมลภาวะและการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเองก็มีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบดังกล่าว ททท.จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน โดยได้พัฒนาเป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือSustainable Tourism Goals: STGs17 ประการ ต่อยอดจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations) โดยได้ดำเนินโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) เพื่อส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้นำ 17 เป้าหมายของ STGs ซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ในระบบนิเวศด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย มิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเร่งยกระดับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ ททท.จึงได้จัดโครงการ“STGs เที่ยว 4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง STGsสร้างเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์สู่ความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมมุ่งสู่ Smart Tourismพร้อมกระตุ้นให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตื่นตัวในการเข้าร่วมโครงการ STAR โดยกำหนดเป้าหมายให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการ ฯ กว่า 80% ภายในปี 2568ททท. จะมุ่งสื่อสารโครงการ “STGs เที่ยว 4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา” แบบบูรณาการ 360 องศา เพื่อสร้างกระแสในวงกว้าง ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่สื่อโทรทัศน์-วิทยุ สื่อ Out of Home กว่า 2,000 จอ ในพื้นที่ Prime Area ทั่วประเทศ อาทิ7-ELEVEN จอ Panoramix หน้าเซ็นทรัลเวิลด์สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ จำนวน 104 จอ จอดิจิตอลครอบคลุมพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย กว่า 250 จอ สนามบินดอนเมือง 90 จอ สนามบินสุวรรณภูมิ 250 จอ และสนามบินภายในประเทศ 5 แห่ง 127 จอ รวมทั้งนำเสนอการเดินทางสร้างประสบการณ์ Meaningful Experience แบบ STGs ผ่านInfluencer, KOL, Youtuberโดยคาดว่าตลอดโครงการจะสามารถสร้างการรับรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว่า 60 ล้านคน-ครั้งอ่านข่าวเพิ่มเติม:ไต้หวันเปิดตัว “Taiwan Talent ศูนย์ให้บริการและสรรหาบุคลากรนานาชาติแบบเบ็ดเสร็จตามข้อมูลจาก “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ในโอกาสเดียวกันนี้ ททท. ยังได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด“STGs เที่ยว4ดี ดีต่อโลก ดีต่อเรา”นำแสดงโดย“เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข”ตัวแทนของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่จะมาชวนคนไทยทุกคนออกไปเที่ยวเมืองไทยแบบ 4 ดี ได้แก่สิ่งแวดล้อมดี :Dท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบบ Low Carbon ลดการสร้างขยะ และทำกิจกรรมที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ผู้ประกอบการชุมชนใช้วัสดุจากธรรมชาติที่ย่อยสลายง่าย เพื่อให้เกิด zero wasteวัฒนธรรมดี :Dเคารพวิถีชุมชนร่วมงานประเพณีท้องถิ่น อวดอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชนให้คงอยู่ต่อไป ผู้ประกอบการชุมชนนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มได้เศรษฐกิจดี :Dสนับสนุนสินค้าและบริการในท้องถิ่น เที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้ไปยังชุมชนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ผู้ประกอบการชุมชนนำของดีท้องถิ่นเป็นจุดขาย มาทำให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่กระจุกชีวิตดี :Dท่องเที่ยวอย่างเข้าใจชุมชนและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยเติมเต็มความสุขและยังช่วยดูแลโลกใบนี้ให้สวยงามต่อไป ผู้ประกอบการดูแลบริการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี เต็มไปด้วยรอยยิ้ม :Dรวมทั้งยังได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวไทยเลือกใช้บริการจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยที่ผ่านมาตรฐาน STGs จากโครงการ STAR ได้แก่ 1) กิจกรรม“CATCH THE STGs BUTTERFLIES”เพียง SCAN QR Code ผีเสื้อ STGs ลุ้นรับ VOUCHER จากผู้ประกอบการ STAR ฟรี! พร้อมรับส่วนลดและของที่ระลึกจาก ททท.อีกมากมายกว่า 1,000 รางวัล มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2 ล้านบาท โดยจะปล่อย QR Code ผีเสื้อ พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11-19 พ.ย. นี้ ผ่าน Facebook : Amazing Thailand และป้ายโฆษณา LED กว่า 2,000 จอทั่วประเทศ 2) กิจกรรมประกวดครีเอท VDO Clip ชวนเที่ยวไทยแบบยั่งยืน ในหัวข้อ “เที่ยวแบบ STGs ดีต่อเรา ดีต่อโลก”ทาง TikTok/Reels พร้อมติด hashtag #นักท่องเที่ยว STGs คลิปที่โดนใจ ลุ้นรับเลย VOUCHER จากผู้ประกอบการ STAR ฟรี!ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ FaceBook Fanpage: “Amazing Thailand” หรือร่วมอุดหนุนผู้ประกอบการ STAR ได้ที่www.tatstar.org