ความไวต่อความรู้สึกของแม่ (Maternal sensitivity) หมายถึงความสามารถของแม่ในการรับรู้และเข้าใจสัญญาณพฤติกรรมของทารกได้อย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง และสามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีและเหมาะสม งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ จะมีความสุขมากขึ้นในอนาคต หากแม่มีความไวต่อความรู้สึกสูง!
การดูแลเชิงบวกของแม่ในช่วงแรกมีผลสำคัญต่อการพัฒนาทางอารมณ์และสังคมของเด็ก (ภาพ / จัดทำโดย Heho Health)
การศึกษานี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Developmental Science ระบุว่า หากแม่แสดงความไวต่อความรู้สึกสูงเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับทารก สมองของทารกจะทำงานอย่างกระตือรือร้นมากขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุข โดยเฉพาะในบริเวณเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า ซึ่งรับผิดชอบในการควบคุมตนเองและการจัดการอารมณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าการดูแลเชิงบวกของแม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ มีผลอย่างมากต่อการพัฒนาทางอารมณ์และสังคมของเด็ก
งานวิจัยในอดีตมักมุ่งเน้นไปที่ผลเสียของการดูแลที่ไม่ดี เช่น การละเลยหรือการทารุณกรรม แต่งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลเชิงบวก นักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากตัวอย่างแม่และทารก 95 คู่เมื่อลูกอายุ 5 เดือนและ 7 เดือน พบว่าทารกที่มีแม่ไวต่อความรู้สึกสูงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองของสมองที่รุนแรงกว่าเมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุข อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยานี้จำกัดเฉพาะอารมณ์ที่มีความสุขเท่านั้น ไม่มีการตอบสนองที่เพิ่มขึ้นอย่างคล้ายคลึงกันต่อใบหน้าที่โกรธหรือหวาดกลัว ซึ่งบ่งชี้ว่าการดูแลอย่างละเอียดอ่อนของแม่อาจมีผลต่อการสร้างปฏิกิริยาทางสังคมที่เป็นบวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทารก
งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ จะมีความสุขมากขึ้นในอนาคต หากแม่มีความไวต่อความรู้สึกสูง! (ภาพ / จัดทำโดย Heho Health)
โดยสรุป เมื่อแม่สามารถรับรู้และตอบสนองความต้องการของลูกได้อย่างถูกต้อง สมองของเด็กจะรับรู้ถึงความสุขและความสนุกสนานได้ดีขึ้น และสามารถควบคุมการตอบสนองต่อความทุกข์ได้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ยังเตือนเราถึงความสำคัญของการใส่ใจสุขภาพจิตของแม่เพื่อสนับสนุนความไวต่อความรู้สึกของแม่ในกระบวนการเลี้ยงลูก
