เดือนแห่งการป้องกันมะเร็งเต้านมสากล สำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันเชิญชวนสุภาพสตรีเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมเป็นปัญหาที่สำคัญต่อสุขภาพของผู้หญิง จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งของสำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันเผยว่า ในช่วงชีวิตของผู้หญิง 1 ใน 12 คน อาจเป็นมะเร็งเต้านม จากสถิติพบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านม 2,633 คนใน 2019 หรือประมาณ 7 คน เสียชีวิตด้วยมะเร็งเต้านมทุกวัน เป็นสาเหตุอันดับสามของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสตรี

สำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันได้ให้เงินอุดหนุนผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 45 ถึง 70 ปี หรือผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ถึง 45 ปีที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม (มีคุณย่า คุณยาย แม่ ลูกสาว พี่สาวที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ทุกๆ 2 ปีเข้ารับการตรวจแมมโมแกรม 1 ครั้ง โดยมีสถาบันทางการแพทย์ทั้งหมด 213 แห่งและสถานีตรวจเต้านม 84 แห่ง ให้บริการตรวจมะเร็งเต้านมทั่วประเทศ นับตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงเดือนก.ย.ปีนี้ (2020) มีผู้ได้รับการตรวจแมมโมแกรมทั้งหมด 630,000 คนและพบมะเร็งเต้านมประมาณ 2,700 คน

สำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันกล่าวว่า การตรวจแมมโมแกรมในปัจจุบันเป็นเครื่องมือตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมีงานวิจัยในระดับนานาชาติ  ซึ่งการตรวจแมมโมแกรมเป็นประจำสามารถตรวจพบได้เร็วและลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ มะเร็งเต้านมมากกว่า 60% ที่พบจากการตรวจเต้านมเป็นกรณีเริ่มต้น (ระยะ 0 + 1) อัตราการรอดชีวิต 5 ปีของมะเร็งเต้านมระยะแรกสูงกว่า 90% และอัตราการรอดชีวิต 5 ปีของมะเร็งเต้านมระยะลุกลามเนื่องจากการรักษาล่าช้ามีเพียงประมาณ 30% เท่านั้น เดือนต.ค.ของทุกปีจะเป็นเดือนแห่งการป้องกันและดูแลมะเร็งเต้านมสากลเพื่อเตือนให้ป้องกันมะเร็งเต้านมโดยการตรวจหาและการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันขอเชิญชวนสุภาพสตรีทุกคนให้ใส่ใจสุขภาพเต้านมของคุณ

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเต้านม ได้แก่ การมีประจำเดือนเร็ว และหมดประจำเดือนช้า ไม่เคยคลอดบุตร คลอดบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปีไม่เคยให้นมบุตร มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น

ดังนั้นสำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันจะให้บริการตรวจแมมโมแกรมสำหรับเพศหญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุ 40 ปี

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจแมมโมแกรมโปรดเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์สำนักงานบริหารการส่งเสริมสุขภาพไต้หวันหรือติดต่อสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่คลินิกสุขภาพหรือศูนย์บริการด้านสุขภาพหรือสถาบันการแพทย์ด้านทรวงอก