กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อของไต้หวันเผยว่า “ผู้เชี่ยวชาญในประเทศแนะนำว่าคนทั่วไปหรือนักเรียนที่มีสุขภาพดีไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก และไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยในชั้นเรียน” อย่างไรก็ตามเพื่อให้เด็กนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือมีความจำเป็นต้องการใช้ รัฐบาลจึงเตรียมแจกจ่ายหน้ากากอนามัยสำรองสำหรับเด็กเป็นอุปกรณ์ในการต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคสำหรับเด็กชั้นเตรียมอนุบาล โดยถูกส่งไปยังฐานบริการที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. และให้สำนักงานการศึกษาในแต่ละมณฑลเมืองทำการแจ้งโรงเรียนเตรียมอนุบาลให้มารับภายในวันนี้ (3 ก.พ.)
กระทรวงศึกษาธิการระบุว่า การมอบ "หน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก" นั้นจะเป็นการช่วยโรงเรียนอนุบาลในการตอบสนองต่อนักเรียนที่มีความจพเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย โดยจะแจกหน้ากากอนามัยสำรอง 1 กล่องต่อนักเรียน 50-60 คน และแบ่งออกเป็น 2 รอบ คือ รอบแรกจะแจกให้กับโรงเรียนเตรียมอนุบาลเอกชนที่เปิดเรียนแล้วทั่วประเทศประมาณ 5 แสนชิ้น และรอบที่สองจะมอบให้โรงเรียนเตรียมอนุบาลของรัฐ
กระทรวงศึกษาธิการย้ำว่า หน้ากากอนามัยของเด็กที่ได้รับในครั้งนี้เป็น "หน้ากากอนามัยสำรองเพื่อป้องกันโรคระบาด" สำหรับการใช้งานฉุกเฉิน ทางโรงเรียนเตรียมอนุบาลจะต้องจัดเก็บและใช้งานอย่างถูกต้อง รวมทั้งแต่งตั้งให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลการลงทะเบียนการใช้งานหน้ากากอนามัย 1 คน นอกจากนี้หน้ากากอนามัยที่แจกในครั้งนี้มีไว้สำหรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน ไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ให้ใช้กับเด็กที่มีไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจถี่ หรือมีภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ และทางโรงเรียนควรขอให้ผู้ปกครองพาเด็กไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดและกลับบ้านเพื่อพักผ่อน
กระทรวงศึกษาธิการย้ำอีกครั้งว่า ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคติดต่อของไต้หวันระบุว่า "มาตรการขั้นพื้นฐานและสำคัญที่สำคัญที่สุดสำหรับป้องกันโรคติดต่อคือ การล้างมือ การรักษาสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจ หากป่วยก็ให้พักผ่อนอยู่บ้าน” จึงขอให้โรงเรียนเตรียมอนุบาลและผู้ปกครองปฎิบัติตามเพื่อร่วมกันต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
